วานนี้ (14 กรกฎาคม) ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ของศรีลังกา ส่งจดหมายลาออกถึงประธานรัฐสภาศรีลังกาอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่เดินทางถึงสิงคโปร์ด้วยสายการบินสัญชาติซาอุดีอาระเบีย เบื้องต้นทางการสิงคโปร์ยืนยัน ผู้นำศรีลังกาเดินทางเข้าประเทศจริง แต่เป็นการเดินทางเยือนแบบส่วนตัว
หลังจากที่มีการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของอีเมลที่โกตาบายาใช้ส่งจดหมายลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีศรีลังกาแล้ว ก็เป็นจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์การเมืองที่สำคัญของศรีลังกา สะท้อนจุดสิ้นสุดของครอบครัวตระกูลราชปักษาที่ครองอำนาจนำเหนือการเมืองของประเทศนี้มาร่วม 2 ทศวรรษ
นับตั้งแต่ มหินทรา ราชปักษา ผู้เป็นพี่ชายของโกตาบายา ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2004 ก่อนที่จะสลับเข้าไปรับตำแหน่งประธานาธิบดีศรีลังกาในช่วงปี 2005-2015 และกลับมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีศรีลังกาอีกครั้งเมื่อช่วงปลายปี 2018 ราว 2-3 เดือน รวมถึงช่วงปลายปี 2019 จนถึงช่วงกลางปี 2022 เพื่อเปิดโอกาสให้น้องชายอย่างโกตาบายาลงสมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีของประเทศนี้ และนั่งเก้าอี้บริหารประเทศนี้ได้สำเร็จในท้ายที่สุด
กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์เผยว่า เบื้องต้นยังไม่มีการร้องขอที่ลี้ภัยทางการเมืองจากโกตาบายา รวมถึงภริยาและบอดี้การ์ดของเขา รวมถึงยังไม่มีใครได้รับสิทธิลี้ภัยดังกล่าว ซึ่งโดยทั่วไปแล้วทางการสิงคโปร์เองก็ไม่ได้อนุญาตให้มีการส่งคำขอลี้ภัยภายในประเทศนี้อยู่แล้ว
การก้าวลงจากตำแหน่งสร้างความยินดีและดีใจให้กับประชาชนชาวศรีลังกาที่เฝ้ารอการลาออกในครั้งนี้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงยังคงเดินหน้าเรียกร้องให้ รานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรีศรีลังกาที่ตั้งตนรักษาการประธานาธิบดีศรีลังกา ก้าวลงจากตำแหน่งเช่นเดียวกัน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอำนาจทางการเมืองในประเทศนี้อย่างแท้จริง
โดยรานิลเองก็ถือเป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่ในเกมการเมืองของศรีลังกามาอย่างยาวนาน เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของศรีลังกาในวาระสั้นๆ มาแล้วถึง 5 ครั้ง แต่ยังไม่เคยก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศนี้เลย หลายฝ่ายจึงเฝ้าจับตาถึงท่าทีของรานิลที่อาจจะต้องการอยู่ในอำนาจต่อไป แม้ว่าตัวเขาจะเคยแสดงความจำนงจะลาออกจากตำแหน่งหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลผสมจากทุกพรรคการเมืองเรียบร้อยแล้ว