วันนี้( 23 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของนายคมสิทธิ์ จังพานิช น้องชายนายสายันต์ จังพานิช นายกเทศมนตรีเมืองโพธาราม ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของ ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ บัวแย้ม หรือ เจ๊นุช ผู้ต้องหาที่ทำร้ายทารุณทหารหญิงรับใช้ เพื่อพูดคุยกับเรื่องที่ถูกพาดพิงว่าไปทำร้ายร่างกาย น.ส.เอ ทหารหญิงรับใช้ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร
นายคมสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเองกับ นุช คบหาเป็นแฟนกัน 7 – 8 เดือนโดยที่ผ่านมาก็เคยเห็นพฤติกรรมแบบที่เป็นในคลิป ส่วนสาเหตุตนเองถาม น.ส.เอ ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเพราะเขาเป็นโรคซึมเศร้า ที่ถามเพราะ น.ส.เอ อยู่กับ นุช มา 7-8 ปี ส่วนตนเองเพิ่งรู้จัก ครั้งแรกที่เห็นเหตุการณ์แบบนี้คือที่พูลวิลล่า ที่ อ.หัวหิน เวลาโกรธหรือเครียดก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
ในช่วงที่คบกันเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด นุช ก็ไปทำงาน ตนก็มีงานทำ ซึ่งเวลาไป น.ส.เอ ก็จะเป็นคนขับรถให้ตลอดเพราะนุช ขับรถไม่เก่งและไม่รู้เส้นทาง ซึ่งทาง น.ส.เอ ก็รู้ว่าจะต้องทำแบบไหนแล้วนุชจะโมโห น.ส.เอ รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ ตนเองก็ได้สอน น.ส.เอ บ่อย ๆ ปากบอกว่ารักพี่นุช เป็นห่วงพี่นุช แต่ก็ยังทำแบบนี้ซ้ำ ๆ อยากให้ลองไปถาม น.ส.เอ ว่า ตนเองเคยสอนจริงหรือไม่ แล้วที่สอนไปทำได้หรือไม่ตัวเขารู้ดี น.ส.เอ ชอบเที่ยวชอบดื่ม และชอบไปแอ้วหนุ่ม ๆ ซึ่งทั้ง เอ และ นุช ได้มีข้อตกลงกันว่าเวลาไปกินเที่ยวกัน จะออกคนละครึ่ง และทั้งคู่ก็ไปเที่ยวกันบ่อย ซึ่ง น.ส.เอ ก็เป็นคนแนะนำตนเองให้รู้จักกับนุช เพราะไปเจอกันที่ร้านอาหารร้านหนึ่งแล้ว น.ส เอเข้ามาขอแลกเงินกับตัวเอง จึงทำให้ได้เจอกับนุชครั้งแรก จากนั้นก็สานสัมพันธ์ตกลงคบหากันเป็นแฟน
ส่วนตัวเห็นว่าตามร่างกายก็มีแผลล่าสุดวันที่ 13 ส.ค. ตนก็นั่งอยู่กับ นุช แล้วได้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมแผลมันเยอะขึ้นจากวันที่ 13 ส.ค. พอมาออกข่าวก็เห็นเป็นรอยแผลตามร่างกายเยอะมาก ซึ่งตนก็มีรูปถ่ายของ น.ส.เอ ในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมารับตัวไป จากที่รู้จัก น.ส.เอ มานั้นนิสัยของเขาขอนิยามคำสั้นๆ ว่า “แถ” คือชอบโกหก เถียง ตนก็พยายามอบรมสั่งสอน น.ส.เอให้เลิกโกหก ถึงขั้นขอร้องให้หยุด หลังจากที่ตนเห็นเหตุการณ์นี้ขึ้น 1-2 ครั้ง ก็คิดว่า น.ส.เอจะไปยั่วให้นุชโกรธทำไม ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าถ้าโมโหนุชก็จะทำแบบนี้เหมือนเดิม
นายคมสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ถ้าคุณรักใครสักคน และเห็นคนมากระทำกับคนที่คุณรักให้เจ็บช้ำน้ำใจ จนเจ็บปวด ไม่ว่าวิธีการใด คุณจะรู้สึกอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาตนเองและนุชก็ได้มีการไล่ให้ น.ส.เอ ไปอยู่ที่อื่นมาแล้ว แต่เขาก็ไม่ไป พอไล่ไปก็มาขอโอกาส ซึ่งมีอยู่วันหนึ่ง นุชได้โทรมาหาตนเองตอนดึกให้มารับ น.ส. เอ มานอนบ้านตน และให้ น.ส.เอไปจากชีวิต นุช เนื่องจากนุช รู้สึกไม่ไหวแล้ว น.ส.เอ ทำ นุช มาโดยตลอด ทำไม น.ส.เอ ถึงไม่หยุด พอมารับ น.ส.เอเสร็จก็ขอลง และบอกกับตนว่า เอรักพี่นุช ตนก็เลยย้อนกลับว่าถ้ารักแล้ว ทำแบบนี้ทำไม เขาก็ตอบกลับมาว่าขอโทษ ซึ่งจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มีปัญหา ซึ่งนุชเองก็ไล่ไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
หลังจากเกิดเรื่องราวนี้ขึ้นตนเองก็ได้มีการพูดคุยกับนุช ในตอนแรกที่เกิดเรื่องขึ้น แต่ก็ให้ข่าวว่านุชเป็นคนทำ น.ส.เอ แต่ไม่พูดถึงตนเองทั้งๆ ที่ตนเองก็ทำแต่ไม่พูดถึง ก็เลยสรุปกันว่าเด็กคนนี้จะทำอะไรต่ออีกเพราะรู้นิสัย แต่ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่พูดให้หมดตั้งแต่ทีแรก จะเป็นเพราะรักตนเอง ซึ่งตนเองก็ยอมรับว่าตี น.ส.เอ จริงเอาไม้ตีจริง ตามที่เขาพูด แต่เขาไม่ยอมพูดให้หมด ตั้งแต่ทีแรก มันเลยทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเขากำลังทำอะไร หรือตกเป็นเครื่องมือของใคร นี่คือสิ่งที่ตนเองสงสัย
“น.ส.เอ ก็เป็นเหมือนคนในครอบครัว และยังเคยมาขอทำงานกับผม เนื่องจากเงินไม่พอใช้ แต่ก็ทำไม่ได้จึงไม่ได้ให้ทำต่อ เนื่องจาก น.ส.เอทำตามที่ตกลงกันไว้ไม่ได้ หลังจากนี้ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ผิดว่ากันไปตามผิด ซึ่งผมยอมรับว่าตี น.ส.เอ จริง “
นายคมสิทธิ์ ฝากถึง น.ส.เอ ว่า “เอพี่เตือนไว้ว่าตอนนี้พี่ไม่รู้ว่าเอกำลังทำอะไร แต่พี่คิดในใจว่า เอ กำลังเป็นเครื่องมือของคนอื่น ถ้าเอไม่รีบหยุดตอนนี้ สุดท้ายเอจะลำบากคนเดียว พี่สอนเอมาตลอด พี่เคยร้องไห้กับเอ ทุกครั้งที่พี่ตีเอแล้วจบด้วยการสอนทุกครั้ง เอจำคำพี่ไว้นะ ที่ผ่านมาพี่เคยบอกเอเสมอว่าคนเราเท่ากันเอจำคำพี่ไว้ ทุกวันนี้เอหลงผิดหรือเอทำอะไรอยู่พี่ไม่รู้แต่เอหยุดซะ ”