วันที่ 30 สิงหาคม 2565 พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับเลขที่ 1596/2565 ลงวันที่ 7 ส.ค. 2565 น.ส.สุชาดา คงษุภจักร์ อายุ 30 ปี หรือ นัตตี้ ยูทูบเบอร์ และออกหมายจับเลขที่ 1649/2565 ลงวันที่ 17 ส.ค. 2565 นางสาวณิชาภัทร รัตนนุกรม อายุ 33 ปี เลขานุการของนัตตี้ ตามที่มีผู้มาแจ้งความเอาผิดฐานหลอกลงทุนเทรดหุ้น รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท
บุคคลทั้งสองถูกออกหมายจับในฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จบิดเบือนหรือปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน,
โฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนในการกู้ยืมเงิน ว่าจะจ่ายหรืออาจจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินจะจ่ายได้ โดยรู้อยู่แล้วว่าจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินรายนั้นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ไม่สามารถประกอบกิจการใด ๆ ที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนเพียงพอที่จะนำมาจ่าย และเป็นเหตุให้ได้กู้ยืมเงินไป”
การสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องหามักจะโพสต์กิจกรรมหรือความร่ำรวยโดยการซื้อสินทรัพย์ บ้าน ที่ดิน โรงงาน และรถยนต์หรู ซึ่งอ้างว่าได้ทรัพย์สินมาจากการเทรด Forex ผ่านโบรกเกอร์ “IQ option” และแค็ปหน้าจอกราฟการเทรดที่ได้กำไร มาโพสต์โชว์ ให้ผู้ติดตามหรือแฟนคลับ อีกทั้งเชิญชวนให้แฟนคลับหรือผู้ติดตามสมัครเรียน
ภาพจาก ไอจี nutty.suchataa
โดยอ้างว่ารู้เทคนิคการเทรดให้ได้กำไร 100 เปอร์เซ็นต์ หรือร่วมลงทุนในสัญญาฝากทรัพย์ กับบริษัท สุชาตา จำกัด โดยรับประกันว่าจะได้รับกำไรอย่างแน่นอน ในลักษณะขั้นบันไดซึ่งคิดคำนวณจากเงินที่ร่วมลงทุน อีกทั้งกำหนดวงรอบการจ่ายเงินปันผลเป็นประจำทุกเดือน
ช่วงแรกของการลงทุน ผู้ร่วมลงทุนได้รับเงินปันผลตามสัญญา แต่หลังจากนั้นจะเริ่มเกิดปัญหา ซึ่งผู้ต้องหามักอ้างว่า เกิดจากระบบการเทรดของโบรกเกอร์ IQ option จนกระทั่งมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กับทาง บช.สอท. มูลค่าความเสียหายกว่า 32,626,112 บาท จนนำมาสู่การออกหมายจับครั้งนี้
คดีนี้ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พาตัวแทนผู้เสียหายกว่า 30 คน แจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2565 เพื่อให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ดำเนินคดีกับ “นัตตี้” ยูทูบเบอร์ กรณีหลอกเงินดังกล่าว
ทนายไพศาลกล่าวว่า ผู้เสียหายกลุ่มนี้ถูกหลอกให้นำเงินไปร่วมลงทุนผ่านแอปพลิเคชั่น เมื่อตรวจสอบก็พบว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนเดียวกัน โดยมีผู้เสียหายรวมกว่า 6 พันคน ผู้ที่ลงทุนสูงสุดคือ 18 ล้านบาท และยังไปเกี่ยวข้องกับคดีที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งหญิงชาวไทย กับสามีชาวสิงคโปร์ ร่วมกันฉ้อโกงนาฬิกาหรูและสินค้าแบรนด์เนมจากลูกค้า มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท