7 ก.ย.2565 – นายพงศ์พรหม ยามะรัต แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร มีเนื้อหาดังนี้
3 ทุ่มครึ่ง มีรายงานน้ำท่วมหนักในหลายๆพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร
2 เดือนนี้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมหนักซ้ำๆมาแล้วหลายรอบ
ฝนตกยาวๆทีไร น้ำท่วมทุกที
ผู้ว่าโดนด่าตลอด จะอัศวิน จะชัชชาติ
คนกรุงเทพด่าแพะผิดตัวเสมอ เพราะคนกรุงเทพไม่มีความรู้เลยว่าทำไมเมืองตัวเองน้ำท่วม
กรุงเทพเคยเป็นทะเลมาก่อน อันนี้คือ basic
ปี 65 จะมีฝนมากกว่าปกติ อันนี้ก็รู้มาตั้งแต่ปี 64 แล้วเช่นกัน
แล้วทำไมยังทำอะไรไม่ได้?
ตอนบรรพบุรุษเรามาตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ เลยถล่มขุดคลองทั่วเมือง ทั้งเพื่อการคมนาคม และการระบายน้ำนี่แหละครับ
แต่เหตุมันเกิดแบบนี้ และบางข้อขอฉายหนังซ้ำนะครับ
1. กรุงเทพมีคลองประมาณ 3,000 คลอง แต่ถูกถมเพื่อทำถนนบ้าง ขยายเมืองแบบผิดๆบ้าง จนตอนนี้เหลือแค่ 1,000 กว่าคลอง คือหายไป 2,000 คลอง
น้ำท่วมเอกมัย ทองหล่อหนักๆช่วงหลัง ก็เพราะฉลาดน้อยไปถมคลองซอยเอกมัย 12 แล้วทำท่อแทนยังไงหละครับ
กทม. และกรมโยธาธิการ และผังเมือง ช่วยกันถมแบบนี้ ยังไงน้ำก็ท่วม เพราะฝนตกแล้วน้ำไม่มีที่ไป
2. ผังเมืองผิดทั้งเมือง ต้องเข้าใจก่อนว่ากรุงเทพ “ไม่ได้แบน” นะครับ มันมีขึ้นลงบ้าง แทนที่จะทำแบบ Amsterdam หรือเมืองใหญ่ต่างๆคือสร้างตึกหนาแน่นสูงในที่สูง กรมโยธาธิการ และผังเมือง รวมถึงผังเมือง กทม. กับขีดเส้นขยายเมืองด้วยแถบสี อนุมัติสร้างหมู่บ้านทับร่องระบายน้ำจนพังทั้งเมือง
ข้อ 1 ข้อ 2 นี่แหละที่ทำกรุงเทพพัง
คลองหาย แถมอนุญาตก่อสร้างทับร่องน้ำตามอำเภอใจ
ฝนตก ก็ขัง ลาดพร้าว แจ้งวัฒนะนี่พังตลอด ขนาดมีคลองลาดพร้าว คลองเปรมประชากรก็แทบไม่ช่วย
น้ำเหนือมา ก็ถล่มท่วมหมู่บ้านแถบบางใหญ่ บางเขนก่อนเลย
แล้วทางแก้คืออะไร?
1. อุโมงค์ยักษ์ ที่ทำอยู่ คือทำทดแทนคลองที่ถมไปครับ ควรทำมั้ย ควรครับ แต่ต้องยอมรับว่ามันไม่ได้ช่วยมาก เพราะหน้าที่มันคือ by pass น้ำ ซึ่งไม่ได้เข้าไปช่วย “แอ่งน้ำ” ที่ขังน้ำไว้ตามเขตต่างๆเลย
2. แก้มลิงใต้ถนนที่ทำ มันก็ช่วยแหละครับ แต่ถมเงินเป็นหมื่นล้าน ก็ช่วยชะลอน้ำได้แค่ถ่มน้ำลาย เมื่อเทียบกับน้ำฝนที่เทลงมา
ข้อ 1 และ 2 คือสิ่งที่ภาครัฐทำอยู่
ใช้งบหลายหมื่นล้านบาท ใช้พลังงานโคตรเยอะ ค่าบำรุงรักษาแพง ต้องทั้งดูดน้ำ ทั้งบำบัดน้ำ
ต้นทุน “สูงฉิบหาย” ทุกโครงการ
ซึ่งแน่นอน “คน” ภาครัฐชอบ
แต่ทางแก้ที่ต้องรีบทำคืออะไรครับ?
1. เร่งทำแก้มลิงล้อมเมือง ทิศตะวันตก ทิศเหนือ และทิศตะวันออกครับ ในหลวง ร.9 เสนอไว้เยอะแล้ว
แก้มลิงชะลอน้ำได้ในหน้าฝน และเก็บน้ำไว้ใช้ได้ในหน้าแล้ง และให้ประชาชนมาออกกำลังกายได้ วินทุกฝ่าย
ส่วนในเมือง ทำหลุมขนมครก พื้นที่ 300 ตร.ว. บ้าง 1 ไร่บ้าง 5 ไร่บ้าง เอาที่ยึด ที่หลวง มาเชื่อมเป็นเครือข่ายชะลอน้ำให้เหมือน Amsterdam
ข้อ 1 นี้ที่ดีสุด คืองบ ต่อการเก็บน้ำได้ “ต่ำที่สุด” ในทุกทางเลือก
แต่ไม่ทำ??????
2. แก้ผังเมืองเร่งด่วน ยุติการอนุมัติโครงการก่อสร้างขวางทางน้ำ โดยให้ใช้ผังเมืองเฉพาะพื้นที่เป็นตัวนำ
3. เก็บภาษีอัตราก้าวหน้ากับสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อนำมาทะยอยขยายท่อระบายน้ำ จากนี้ไป ให้ใช้ ratio ความหนาแน่นคนในพื้นที่ ต่อ capacity การระบายน้ำได้แล้วครับ
ไม่ใช่มีคอนโดทั้งซอย 5,000 ห้อง โรงแรม 1,500 ห้อง บ้าน 300 หลัง แต่มาร่วมใช้ท่อใหญ่เท่าลูกหมูเพื่อการระบายน้ำ
และข้อ 4 ที่ผมเน้นเสมอ
อย่าเสียเวลาด่าผู้ว่าครับ
การจะชะลอน้ำท่วมกรุงเทพ ต้องทำแผนร่วมภาคกลางครับ
คิดตั้งแต่พื้นที่รับน้ำปทุมธานี ไปจนถึงคลอง by pass น้ำ ถนนวงแหวนรอบ 3
หมดนี่เป็นอำนาจนอกผู้ว่าทั้งสิ้น
แล้วผู้ว่าทำอะไรได้ครับ?
ขุดลอกคูคลอง ท่อตามถนนครับ
ควรลอกมั้ย? ควรทำสม่ำเสมอครับ
แต่!!!
ลอกคลอง ลอกท่อ ทั้งกรุงเทพในวันนี้ มันไม่พอระบายน้ำครับ
จะเอา “ขัน” ไปเก็บ “น้ำจากโอ่ง” เหรอครับ?
ส่วนที่เหลือ มันคืองานระดับ “กระทรวงมหาดไทย” ทั้งสิ้น
นี่ยังไม่รวมสิ่งสำคัญถัดไปนะครับ
คือเราต้องคิดถึงการสร้างเมือง “ลูกข่าย” รอบๆกรุงเทพได้แล้ว
หยุดการเติบโตกรุงเทพ ที่มีความเสี่ยงจมน้ำ
ด้วยการไปผลักดัน
นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการแทน
และบวกเมืองใหม่ แถวๆนครนายก ฉะเชิงเทรา ที่เชื่อม EEC ได้
สูตร 4+ 1 นี้สำคัญมาก ต่อกรุงเทพอีก 50 ปีข้างหน้า
กับปัญหาน้ำท่วมหนักขึ้นๆ
เช้านี้ผมเอารูปซอยเจริญใจ ตรงเอกมัยมาให้ดู
ถนนเส้นนี้รถไม่ได้ติด
ก่อนหน้านี้จะมีคลองอยู่ทางขวาของรูป
เอกมัยจุดนี้ ปกติน้ำไม่ท่วมหนัก
อยู่ๆก็มีดำริ จะถมคลองทำถนนทั้งที่รถก็ไม่ได้ติด แล้วบอกว่าจะทำท่อใต้ถนนให้น้ำระบายได้อย่างเดิม
“โยธาเค้าเก่ง”
ตอนนี้ถมคลองเสร็จแล้ว ผลตามคาด
รถที่ไม่ติดก็ยิ่งไม่ติด แต่สามารถสร้างคอนโดได้สูงขึ้น
ไปแปลกันเองนะครับ
แต่ผลที่ประชาชนได้ คือน้ำท่วมฉิบหายครับ
บ่ายนี้ผมจะมีประชุมกับองค์กรในการทำ 1 ในแผนเสนอลดปัญหาน้ำท่วม
10 ปีที่ผ่านมา ที่ผมเคยเสนอสิ่งเหล่านี้กับคณะ กทม.ชุดเก่าๆผมเจอ 2 ปัญหาใหญ่
ปัญหาแรก คือผังเมืองผิดพลาดแบบ “ช่างหัวมัน” เพราะถูกออกแบบตาม “นายทุน” อสังหา
ปัญหาสอง ทุกข้ออ้างของผังเมืองคือ “เรามีวิศวกรโยธา” ที่จะเสกสิ่งก่อสร้างใต้ดิน มาแก้ปัญหาน้ำท่วม
10 ปีผ่านไป
ไอ้ที่เสกๆมาจาก “วิศวะโยธา” ที่ไม่เข้าใจเรื่องน้ำท่วม
แถมไม่เคยค้าน “เหตุ” น้ำท่วมที่พังจากผังเมืองขวางน้ำแบบนี้
มันพิสูจน์ว่าน้ำก็ยังท่วมหนัก
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา หมดเงินไปเท่าไหร่กับการเอา “โยธา” เป็นตัวตั้ง
ซอยเจริญใจตรงเอกมัย และแก้มลิงใต้ดินแพงๆท้ายสุขุมวิท 39 ชนเพชรบุรีตัดใหม่นั่นตัวอย่างเลยครับ
ทำงานแบบไม่สนคลองเดิม ตอนนี้ท่วมหนักกว่าเดิม
คิดแต่แนวทางโยธา
เอาคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพมาทดลองความรู้ที่เรียนในหนังสือ
แทนที่จะฉลาดคิดแบบ “multi-disciplinary” ให้เป็น
เอาสถาปนิกผังเมืองเป็นตัวตั้ง เอาโยธา เอาสิ่งแวดล้อม เอานักพฤติกรรมมนุษย์ เอานักอนาคตศาสตร์มาอยู่ในทีม
นี่คือการทำงานแบบจีน สิงคโปร์ อิสราเอล ฮอลแลนด์
เพื่อนๆผมใน Facebook หลายคนไม่ค่อยนิยมผู้ว่าชัชชาตินัก
แต่ ณ จุดเริ่มต้น
ผมว่าผู้ว่าคนนี้ทำงานแบบ multi-disciplinary เป็น
แกวิศวะจริง แต่แก “เปิดสมอง” ฟังจากคนหลากหลาย
ในขณะที่แกเร่งขุดลอกคูคลองอยู่เหมือนผู้ว่าคนก่อนๆ
กระดุมใหญ่เม็ดแรกที่แกสนใจ คือแก้ผังเมือง
และเท่าที่ได้ยินมา แกกำลังเร่งหาพื้นที่ทำแก้มลิง
ใหญ่ๆอยู่นอกเมือง
เล็กๆอยู่ในเมือง
เพื่อตอบวิศวะหัวกล่องที่มักพูดว่า
“ในเมืองแออัด จะหาที่ทำแก้มลิงจากไหนวะ”
ไอ้ที่ไม่รู้ ก็เพราะมัวแต่อ่านตำราวิศวะ โดยไม่อ่านผังเมืองยังไงหละครับ
ไม่ multi-disciplinary
บ้านเมืองก็เจ๊งกันอยู่แบบนี้
ส่วนผู้ว่ากำลัง multi-disciplinary อยู่
น่าสนใจครับ
ถ้าไม่ปฏิรูปกรมโยธาธิการ และผังเมือง
คุณภาพชีวิตแบบนี้ก็กำลังถูกส่งออกไปในหัวเมืองต่างจังหวัด
ชลบุรี เพชรบุรี น้ำไม่เคยท่วม
แต่ตอนนี้น้ำท่วมแล้ว
นี่แหละครับ รากปัญหาน้ำท่วม รถติด คุณภาพชีวิตพัง
ช่วยกันรณรงค์ปฏิรูปกรมโยธาธิการ และผังเมือง
จะแก้อะไรก็แก้ที่ต้นเหตุ
ด่าอัศวิน ด่าชัชชาติ
ก็ได้แค่ลอกท่อ ลอกคลอง
อำนาจผู้ว่ามีแค่นั้นครับ