11 ก.ย.2565 -นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้
นายกคนต่อไปกับบุญวาสนา
ถามกันมาเยอะว่าถ้าไม่มีพลเอกประยุทธ์หรือพลเอกประยุทธ์มีอันเป็นไป แล้วจะยังไง ใครจะเป็นนายกคนต่อไป เรื่องนี้คงต้องว่ากันตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เกี่ยวกับดวงดาวหรือโชคชะตาฟ้าลิขิต เพราะรัฐธรรมนูญเขากำหนดไว้ว่าต้องเลือกคนที่มีอยู่ในตะกร้าก่อน คือ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คุณชัยเกษม นิติสิริ และคุณอนุทิน ชาญวีรกูล 4 คนแรกดูแล้วคงเป็นไปไม่ได้เพราะบางคนไปแล้วไปเลย หรือบางคนที่มีอยู่ก็ยังไปไม่ถึง
ส่วนคุณอนุทินก็ชอบกัญชา ประเภทมีอารมณ์เคลิ้มๆขำๆ ตำแหน่งนายกฯกับท่านในสถานการณ์แบบนี้ก็คงเป็นเรื่องเคลิ้มๆขำๆไปเท่านั้น ที่จะเป็นจริงนั้นคงจะยาก สรุปว่าคนที่มีอยู่ในตะกร้าตามบัญชีรายชื่อโหวตแล้วโหวตอีกก็คงไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องเป็นคนนอกตะกร้านอกบัญชีล่ะ ต้องใช้ 500 เสียงในรัฐสภาเป็นด่านแรก แล้วจะเป็นใครล่ะ ถ้าไม่ใช่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะท่านมีเสียงพรรคร่วมอยู่ในมือถึง 270 เสียง บวกกับส.ว.อีกบางส่วนก็ได้เกิน 500 แล้ว เชื่อว่าเมื่อด่านแรกผ่าน ด่านที่ 2 ในการโหวตนายกฯก็ใช้เสียงเพียง 375 เสียง แค่นี้ก็ฝ่าด่านทะลุทะลวง มองดูแล้วทั้งปัจจัยภายในภายนอกไม่มีใครที่จะฝ่าด่านอรหันต์ 2 ด่านนี้ได้นอกจากพลเอกประวิตร จะอยากเป็นหรือไม่อยากเป็น แต่รัฐธรรมนูญกำหนด ประกอบกับจังหวะ โอกาสและสถานการณ์มันเอื้ออำนวยให้เป็น
ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พลเอกประยุทธ์ผ่านด่านเรื่อง 8 ปีไปได้ เรื่องนายกฯคนต่อไปก็คงไม่ต้องเอามาพูดกัน แต่ที่ว่ามานั้นเพื่อให้หมดสิ้นสงสัยว่าประเทศไทยจะเป็นยังไงต่อไปเท่านั้น ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมันเป็นเรื่องของจังหวะ โอกาส สถานการณ์และบุญวาสนาชะตาชีวิต คนที่ไม่คิดจะเป็นก็ได้เป็น คนที่คิดอยากจะเป็นแต่ก็ไม่ได้เป็นมีให้เห็นกันเยอะแยะ จังหวะ โอกาสและบุญวาสนาของแต่ละคนเป็นตัวกำหนดที่เรียกว่าฟ้าลิขิต… สมุหนายกคนแรกของประเทศสยามคือเจ้าพระยารัตนาพิพิธ เป็นทั้งทหารเอกและเป็นนักบริหารในสมัยรัชกาลที่ 1 ยุคสงคราม 9 ทัพ สู้รบกับพม่าในสงครามหลายครั้ง กู้บ้านกู้เมือง เป็นผู้สร้างวัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน มีหลวงพ่อสัมฤทธิ์ประสิทธิโชคอยู่ในพระอุโบสถ ซึ่งเป็นวัดสำคัญและคนสำคัญในครั้งกระนั้น บุญวาสนาพาให้สัมฤทธิ์ประสิทธิโชคจริงๆ… สาธุ สาธุ สาธุ