คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2562
ตามคําร้องของจําเลยฉบับลงวันที่ 4 มีนาคม 2557 ระบุว่า จําเลยรู้สึกสํานึกผิดในการ กระทําของตนแล้ว เพื่อบรรเทาผลร้ายและความเสียหายที่เกิดขึ้น จําเลยขอชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ ผู้เสียหาย
เนื่องจากถูกจําเลยทําร้ายและทําให้รถยนต์ของผู้เสียหายได้รับความเสียหาย โดยขอวางเงิน จํานวน 200,000 บาท ต่อศาลชั้นต้น กับขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษให้แก่จําเลย
ทั้งในชั้นอุทธรณ์จําเลยก็อุทธรณ์ขอให้รอการกําหนดโทษหรือรอการลงโทษแก่จําเลย อ้างว่าจําเลยได้ บรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้นโดยชดใช้เงินให้แก่ผู้เสียหายจํานวน 200,000 บาท และในชั้นฎีกาจําเลยก็ แก้ฎีกาโดยอ้างถึงการชดใช้เงินให้แก่ผู้เสียหายจํานวน 200,000 บาท โดยขอให้ศาลฎีกาลงโทษ สถานเบาหรือรอการลงโทษให้แก่จําเลยอีก
ดังนั้นการที่จําเลยวางเงินดังกล่าวต่อศาลย่อมมี วัตถุประสงค์เพื่อแสดงว่าจําเลยได้พยายามบรรเทาความเสียหายอันเป็นผลที่เกิดจากจําเลยกระทํา ละเมิดต่อผู้เสียหายเพื่อประกอบดุลพินิจของศาลในการพิจารณาพิพากษาลงโทษจําเลยในสถานเบาด้วย
ซึ่งศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาก็ได้นําเรื่องการวางเงินของจําเลยดังกล่าวมาเป็นเหตุบรรเทาโทษให้แก่ จําเลย ทั้งการวางเงินเพื่อให้ผู้เสียหายมารับไปนั้น ก็เป็นการแสดงเจตนาอยู่ในตัวแล้วว่าจําเลยจะ ไม่ถอนเงินออกไปหากผู้เสียหายยังประสงค์จะรับเงินนั้น
การที่ผู้เสียหายยังมิได้รับเงินดังกล่าวไปทันที หลังจากที่จําเลยนําเงินมาวางก็เพราะผู้เสียหายได้ยื่นคําร้องขอให้บังคับจําเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นจํานวนเงินท่ีสูงกว่าอยู่ มิได้หมายความว่าผู้เสียหายไม่ประสงค์จะรับเงินท่ีจําเลยนํามาวางศาล ดังกล่าว
ส่วนการที่ศาลฎีกาพิพากษาว่าพฤติการณ์ของผู้เสียหายเป็นการสมัครใจทะเลาะวิวาทกับจําเลยจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ไม่มีสิทธิยื่นคําร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) และมาตรา 30 และไม่มีสิทธิยื่นคําร้องขอให้บังคับจําเลย ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1
ก็เป็นกรณีที่ศาล ได้พิพากษาในส่วนการกระทําความผิดของจําเลยในคดีอาญาหาได้เกี่ยวกับการวางเงิน เพื่อบรรเทาผลร้ายและชดใช้ค่าเสียหายของจําเลยให้แก่ผู้เสียหายอันเป็นเรื่องค่าสินไหมทดแทน ความรับผิดในทางละเมิดไม่ ผู้เสียหายจึงมีสิทธิรับเงินจํานวน 200,000 บาท ที่จําเลยนํามาวางศาล