เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #เพื่อไทย แบไต๋ ! ดัน ชัยเกษม ชิงนายกหากบิ๊กตู่ป๊อก

#เพื่อไทย แบไต๋ ! ดัน ชัยเกษม ชิงนายกหากบิ๊กตู่ป๊อก

21 September 2022
192   0

   21 ก.ย.2565 – นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินชี้ขาดวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 30 ก.ย. ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ต้องดูสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนั้น ก่อนที่จะมองว่าพรรคเพื่อไทยจะขับเคลื่อนอย่างไรต่อไป แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเข้าสู่กระบวนการเลือกนายกฯ โดยพรรคจะส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค คือ นายชัยเกษม นิติศิริ ซึ่งยังคงเป็นผู้ที่ทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน แม้ในตามบัญชีจะมีอยู่ 3 รายชื่อ แต่บางคนได้แยกออกไปทำงานการเมืองนอกพรรคแล้ว ดังนั้นบัญชีนายกฯของพรรคการเมืองฝ่ายค้านก็เหลืออยู่เพียงคนเดียว

นพ.ชลน่านกล่าวว่า สถานะของรัฐบาลก็เป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) รักษาการ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ในฐานะนายกฯรักษาการ แต่พรรคต้องประเมินสถานการณ์ทางการเมืองด้วย พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่จะยุบสภาได้ และพรรคต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง ส่วนข้อสังเกตทางการเมืองว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ อาจเป็นนายกฯ คนนอกนั้น ขั้นตอนของสภาจะเลือกได้หรือไม่ หากจะเสนอรายชื่อนายกฯคนนอกต้องใช้เสียงของรัฐสภาเห็นชอบ 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกรัฐสภาหรือ 488 คน

“จะมีปัญหาในการเลือกไม่ได้ เพราะต้องเลือกนายกฯในบัญชีก่อน และพรรคภูมิใจไทย ยังมีชื่อของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หากพรรคร่วมรัฐบาลร่วมมือกันนายอนุทิน มีโอกาสที่เป็นนายกฯ ด้วยเสียงที่ไม่น้อยกว่า 365 คน แต่ทั้งนี้ก็คาดการณ์ว่า ชื่อนายกฯ ในบัญชีที่มีอยู่จะไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา อาจต้องเลือกนายกฯนอกบัญชีพรรคการเมือง เพื่อแก้ปัญหาไม่เกิดเดตล็อกทางการเมืองในการบริหารประเทศ แต่พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับนายกฯคนนอก” นพ.ชลน่านกล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ท้ายที่สุดไม่ว่านายกฯจะเป็นใคร แม้นายกฯจะเป็น พล.อ.ประวิตร ขั้วการเมืองจะไม่มีเปลี่ยนแปลง และไม่มีโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยจะยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ให้ไว้กับประชาชนและความรู้สึกกับประชาชน สิ่งที่ฝ่ายค้านเป็นห่วงมาตลอด หากผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่พ้นจากตำแหน่ง และยังสามารถเป็นนายกฯได้อีกไม่ว่าจะ 2 ปี หรือ 4 ปี คือ สถานการณ์ทางการเมืองที่สิ่งที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า การอยู่ยาวคือการผูกขาดอำนาจ พฤติกรรม 8 ปีที่ผ่านมาของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเช่นนั้น ยิ่งมีอำนาจมากก็ยิ่งเกิดปัญหาคอร์รัปชันมาก หาก พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อโดยไม่มีคำอธิบายชัดเจน กังวลว่าจะเกิดวิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง

หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้อยู่ต่อแล้วประกาศว่าจะเป็นนายกฯต่ออีก 3 เดือนแล้วยุบสภา จะลดแรงต้านหรือการเกิดวิกฤตทางการเมืองได้ แต่หากอยู่ต่ออีก 2 ปีหรืออีก 4 ปี กระแสต่อต้านจะลุกลามมาก ซึ่งกระแสต่อต้านมีการแสดงออกหลายรูปแบบไม่เพียงแค่การชุมนุมลงถนนเท่านั้น”นพ.ชลน่านกล่าว