เมื่อวันที่ 15 ต.ค.65 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์เฟสบุ๊ก “Paisal Puechmongkol” ระบุว่า ทำใจ ทำใจ และต้องทำใจ
ฟังการอธิบายเหตุผลที่แก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ได้เพราะน้ำไหลจากภาคเหนือซึ่งเป็นที่สูงลงที่ต่ำ
จากเหนือตอนบน เหนือตอนกลาง เหนือตอนล่าง มาภาคกลาง ลงไปภาคใต้ตอนบน และภาคใต้ตอนล่าง แล้ว ก็ต้องทำใจจริง ๆ เพราะ
1.พื้นที่ภาคเหนือเป็นที่สูง น้ำไหลลงมาทางภาคกลาง และกรุงเทพฯ ผ่านแม่น้ำใหญ่ 4 สาย คือ ปิง วัง ยม น่าน ซึ่งตื้นเขิน และป่าไม้หมดไป น้ำไหลแรงและเร็ว บ่าท่วมภาคกลาง และกรุงเทพฯ และออกทะเล!!! ไม่ได้ไหลลงไปท่วมภาคใต้ตอนบน หรือตอนล่างเลย!!!
ส่วนทางภาคอีสานนั้น เป็นที่ราบสูงจากเหนือลงใต้ และจากกลางประเทศไทย ไปยังด้านตะวันออก ไหลผ่านแม่น้ำใหญ่ 2 สาย คือแม่น้ำชี และมูล ซึ่งตื้นเขิน จึงไหลบ่าท่วมภาคอีสานตอนบน และภาคอีสานตอนล่าง แต่ไม่ไหลบ่าเข้ากรุงเทพฯ เพราะไหลไปทางด้านตะวันออก จึงท่วมอีสานเหนือ อีสานใต้ ทางด้านตะวันออก
2.นอกจากแม่น้ำใหญ่ทางภาคเหนือ 4 สายตื้นเขินแล้ว แม่น้ำใหญ่ทางภาคอีสานทั้ง 2 สายก็ตื้นเขิน
และแหล่งน้ำ รวมทั้งเขื่อนเก็บน้ำทั้งหลายก็ตื้นเขิน เพราะไม่มีการขุดลอก จึงไหลบ่าท่วมอย่างรวดเร็ว
มิหน่ำซ้ำ การก่อสร้างถนนโดยทั่วไปมีท่อระบายน้ำไม่พอ น้ำจึงขังท่วมจนถึงแนวหลังถนน เป็นการซ้ำเติมความเสียหายจากน้ำท่วมหนักเข้าไปอีก
ความเสียหายเกิดจากการไม่ขุดลอกแม่น้ำ แหล่งน้ำ และเขื่อนทั้งหลาย ปล่อยให้ตื้นเขินกักเก็บน้ำไม่ได้ และการทำท่อระบายน้ำตามแนวถนนทั้งหลายไม่พอ ระบายน้ำไม่ทัน จึงทำให้น้ำท่วม!!!!
เป็นความล้มเหลวในการบริหารจัดการเรื่องน้ำท่วม ไม่ใช่จากน้ำไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ ซึ่งเป็นธรรมชาติ
ที่สำคัญคือน้ำที่ท่วมนั้น มีน้ำถึง 4 ชนิด คือ
~น้ำเหนือหนึ่ง
~น้ำทะเลหนุนหนึ่ง
~น้ำใต้ดินที่สูงขึ้นหนึ่ง และ
~น้ำฝน ในปีที่มีพายุดีเปรสชั่น เข้าประเทศไทยมาก
เหตุทั้ง 4 ประการนี้ ถ้ามีสติปัญญาตั้งหน้าแก้ไขป้องกันก็จะทำได้
แต่เพราะไม่ได้แก้ไขป้องกันจึงเกิดความเสียหายดังที่เป็นอยู่ทุกปี
ทั้งๆ ที่ไม่กี่ปีมานี้ ได้ใช้เงินแก้ไขปัญหาไปกว่า 4 แสนล้านบาท แต่ไม่มีผลใด ๆ
แม้ปริมาณน้ำน้อยกว่าปี 2554 แต่เกิดความเสียหายทั่วประเทศมากกว่าปี 2554 มาก
ก็คงจะมีการตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาให้เรียบร้อย แบบเดียวกันการตั้งกรรมการหลายร้อยชุดที่ผ่านมานั่นแหละ
#สร้างปัญหาต่อก่อปัญหาใหม่