วันที่ 11 ธ.ค.65 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวในกิจกรรม ครอบครัวเพื่อไทย จ.นครศรีธรรมราช ‘ครอบครัวเพื่อไทย แหลงจริง ทำได้ คนใต้หรอยแรง’ 11 ธันวาคม 2565 วันที่ 11 ธันวาคม 2565 ณ หอประชุมเมืองนครศรีธรรมราช (ทุ่งท่าลาด) ว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมืองที่คิดใหญ่ ทำเป็น กับพรรคการเมืองที่คิดแบบเดิมมาตลอด 8 ปี การประกาศวิสัยทัศน์ ของพรรคเพื่อไทยในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี 2570 เงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 25,000 บาทภายในปี 2570 พรรคมั่นใจว่าทำได้ จึงประกาศเป็นนโยบาย สิ่งที่ประกาศไปเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมาเป็นเพียงหมัดแยบ แต่หลังจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา พรรคเพื่อไทยมีหมัดน็อคอีกแน่นอน จึงอยากขอเชิญชวนทุกพรรคการเมือง สู้กันด้วยนโยบาย รบกันด้วยนโยบาย
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ในเวลานี้คนไทยทั้งประเทศกำลังมองหาทางไปของบ้านเมือง อนาคตของแผ่นดิน และนายกรัฐมนตรีที่เป็นความหวัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็น 1 ในว่าที่แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยแน่นอน ส่วนอีก 2 คนรอการประกาศอย่างเป็นทางการจากพรรคอีกครั้ง เพราะต้องแข่งกับคนสองประเภทในตอนนี้คือ นายทำนุ้ยและนายทำพอได้ ซึ่งพี่น้องประชาชนต้องร่วมกันจัดการ ด้วยการเลือกพรรคเพื่อไทยที่ ทำงาน ทำงาน เห็นได้จากตัวอย่างของการทำงานที่ผ่านมาในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้เด็กและเยาวชนถือแท็บเล็ตไปโรงเรียนแต่ในสมัยนี้ เด็กถือบ้องกัญชาไปโรงเรียน เด็กชั้นประถมปีที่ 3 ปีที่ 4 นั่งตาปรือในโรงเรียน สมัยนี้ที่ราคาปุ๋ยแพงแต่ราคายาบ้าถูก มีทุกซอยในหมู่บ้าน
การที่นางสาวแพทองธาร ประกาศวิสัยทัศน์ในปี 2570 ว่าจะมีรถไฟรางคู่ทุกเส้นทาง ลดระยะเวลาเดินทางลงครึ่งหนึ่ง หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล พี่น้องจะมีรถไฟรางคู่ อยู่กับบิ๊กตู่ขนมครกรางเดียวยังขายไม่ได้ นอกจากนี้ 30 บาทรักษาทุกโรคบัตรประชาชนเพียงใบเดียว รับการรักษาได้ทุกที่ แต่อยู่กับพลเอกประยุทธ์มา 8 ปี ได้บัตรคนจนมา 1 ใบ ส่วนภาคการเกษตร วิสัยทัศน์เราไม่ใช่แค่ยกหนี้ แต่ล้างหนี้ ไม่ใช่การกู้หนี้มาแจก แต่สร้างรายได้ด้วยการสร้างทักษะ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อนำรายได้มาล้างหนี้ พรรคเพื่อไทยพูดเป็นชิ้นเป็นอันตามระบอบ ตามนโยบาย
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า หากลุงป้อม ลุงตู่ ลุงกำนัน รวมกัน เมื่อมีการเลือกตั้ง พวกเขาจะรุมพรรคเพื่อไทย เล่นเกมปิดล้อม ที่ผ่านมาเอาเปรียบในกติกาแล้ว ยังเอาเปรียบด้วยกลไกการเมืองสารพัด หากพรรคเพื่อไทยกลัว หากเพื่อไทยยอม เรายอมไปนานแล้ว แต่เราเชื่อมั่นว่ายืนเคียงข้างกับอยู่กับพี่น้องประชาชน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนเป็นนักการเมืองภาคใต้ แม้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ไม่สามารถมีตำแหน่งใดในทางการเมืองได้ แต่ไม่ว่าจะกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ตนจะยืนอยู่ฝั่งประชาธิปไตย เป็นคู่ต่อสู้กับเผด็จการ อำนาจยุติธรรม ตนจึงมายืนอยู่ตรงนี้ พรรคเพื่อไทยมีความตั้งใจจริง คิดใหญ่ ทำเป็น ทำได้ จากนี้จะลงพื้นที่ภาคใต้อีก ทั้งฝั่งอ่าวไทย อันดามัน และทั่วทุกภาคในประเทศไทย หากพี่น้องประชาชนต้องการเปลี่ยนรัฐบาล ไม่เอาพลเอกประยุทธ์ ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทย แต่หากเลือกพรรคอื่น ไม่ว่าจะเป็นพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ หรือภูมิใจไทย หรือพรรคไหน ก็จะได้พลเอกประยุทธ์เหมือนเดิม
“พรรคเพื่อไทยไม่เล่นการเมืองแบบภูมิภาค พรรคเพื่อไทยมาอยู่ตรงนี้เพื่อมาประกาศว่า ถ้าเป็นคนไทยที่อยากเห็นประชาธิปไตย อยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าอยากเห็นการแก้ไขปัญหาด้วยนโยบาย พี่น้องประชาชนเป็นคนภาคไหน ก็เลือกเพื่อไทยได้ทั้งประเทศ” นายณัฐวุฒิ กล่าว