เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2566 น.ส.ชญาภา สินธุไพรรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ร้อยเอ็ด กล่าวกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน มีมติแต่งตั้งนายสยาม บางกุลธรรม รองเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และนายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ คณะกรรมการยุทธศาสตร์และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตยานนาวา พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เป็นข้าราชการการเมือง ในตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ
น.ส.ชญาภา กล่าวว่า ยิ่งนานวันรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งทำสิ่งที่ไร้มารยาททางการเมือง ต่อมความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทางการเมืองไม่ทำงาน นอกจากจะล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองแล้ว ยังสร้างความไม่ไว้วางใจให้กับประชาชนซ้ำๆ ทั้งที่เหลือเวลาในการทำงานไม่ถึง 2 เดือน แต่ยังเดินหน้าแต่งตั้งคนในพรรคที่ตนเองสังกัดมาทำงานรอบกาย
“โดยปกติการแต่งตั้งบุคคลมาช่วยทำงานจะแต่งตั้งหลังจากที่มีการเลือกตั้ง จัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ แต่พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้งคนในพรรคที่สังกัดมาดำรงตำแหน่งในรัฐบาล เพื่อไปสู้ศึกเลือกตั้ง เรื่องนี้น่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมืองหรือไม่ จากที่ก่อนหน้านี้ได้แต่งตั้งนายนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเลขาธิการนายกฯ จึงอดคาดเดาไม่ได้ว่าหลังจากนี้ คนที่เป็นเลขาธิการนายกฯ และเป็นหัวหน้าพรรคที่นายกฯ สังกัดอยู่ จะตั้งพล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นการผลัดกันเกาหลังทางการเมือง” น.ส.ชญาภา กล่าว
น.ส.ชญาภา กล่าวต่อว่า หากเป็นบุคคลที่มีความละอายทางการเมืองจะไม่ทำเช่นนี้ แต่พล.อ.ประยุทธ์กล้าทำในหลายเรื่อง เช่น 1.รัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ ในปี 2557 มีความผิดฐานกบฏ แต่นิรโทษกรรมตัวเองไม่ให้รับผิด 2.พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำเผด็จการรัฐบาลทหารกว่า 4 ปี ไม่พอใจ ยังวางหมากทางการเมืองหวังจะสืบทอดอำนาจต่อ โดยสรรหา ส.ว. เพื่อโหวตให้ตัวเองเป็นนายกฯ ต่อ 3.พล.อ.ประยุทธ์ อยู่บ้านพักฟรี ค่าน้ำค่าไฟฟรีจากภาษีประชาชน
4.พล.อ.ประยุทธ์ ไม่รับผิดชอบในคำพูดตัวเองบ่อยครั้ง เช่น ใช้อำนาจมาตรา 44 ปิดเหมืองทองอัครา บอกจะรับผิดชอบเอง แต่สุดท้ายเอาเงินภาษีประชาชนจ่ายค่าทนายหลายร้อยล้านบาท 5.พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่สมัครเป็นสมาชิกรวมไทยสร้างชาติ เพื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ อีกพรรคหนึ่ง โดยไม่สนว่าจะมองอย่างไร 6.มีกระบวนการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้พล.อ.ประยุทธ์ อยู่เกิน 8 ปี โดยไม่ตระหนักถึงความเสียหายและล้มเหลวที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สร้างไว้
น.ส.ชญาภา กล่าวต่อว่า เมื่อคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นตัวการที่ทำให้การเมืองไทยย้อนยุคตกต่ำ การเมืองแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอาฟื้นคืนชีพ ไม่แปลกใจที่การทุจริตคอร์รัปชันเบ่งบาน ธุรกิจสีเทาเฟื่องฟู ยาบ้าถูกกว่าลูกอม ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นประเทศไทยในปี 2564 ภายใต้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ อยู่อันดับที่ 110 ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่ในอันดับที่ 59 ซึ่งดีกว่ารัฐบาลนี้เท่าตัว
“นี่คือบาปทางการเมืองที่รัฐบาลใหม่ต้องเข้ามาแก้ไขสิ่งที่รัฐบาลคนดีทิ้งเอาไว้ ตอนนี้ประชาชนรอวันชำระสะสางการเมืองที่สิ้นหวังแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะพยายามยืดเวลาให้ตัวเองอยู่ในอำนาจนานเท่าไหร่ก็ตาม แต่เมื่อถึงวันเลือกตั้งประชาชนจะเข้าคูหาพิพากษาประยุทธ์” น.ส.ชญาภา กล่าว