‘เจ๋ง’ เกินคุ้ม ขายข้าวโพดครั้งเดียว ได้ค่าฝายคืนแล้ว !!
‘ฝายแกนดินซีเมนต์ลำห้วยจะฮ้าง ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา เพิ่มรายได้เกษตรกรขายข้าวโพดครั้งเดียวราคาเกินมูลค่าฝายฯ แล้ว’
วันที่ 29 มกราคม 2566 นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา เปิดเผยว่า ‘นายกฯ’ หนานเปรม – นายสุเมธี คำลือ นายกเทศมนตรีตำบลเชียงม่วน รายงานว่า
‘ฝายแกนดินซีเมนต์ (ลำห้วยจะฮ้าง) จากเดิมช่วงเดือนธันวาคม 2565 สามารถชะลอน้ำไม่น้อยกว่า 8,800 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ประมาณ 48 ไร่ เกษตรกรได้รับประโยชน์จำนวน 13 ครัวเรือน ขณะนี้เกษตรกรได้เริ่มปลูกพืช ข้าวโพดเพิ่มขึ้นอีก 18 ไร่’
ในช่วงนี้ของทุกปีที่ผ่านมาเป็นฤดูแล้ง ไม่มีน้ำ ไม่มีการปลูกพืชเกษตรในที่ดินดังกล่าวเลย แต่ขณะนี้ปริมาณน้ำหน้าฝายยังมีความสูงประมาณ 0.5 เมตร (ประมาณ 4,000 ลูกบาศก์เมตร) ซึ่งเกษตรกรได้สูบน้ำในการปลูกพืชดังกล่าวตั้งแต่เดือนพฤษจิกายนเป็นต้นมา เพื่อใช้รดข้าวโพดทุกวัน ครั้งละครึ่งวัน คาดว่าเกษตรกรในพื้นที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 100,000 บาท ประมาณครอบครัวละ 20,000 -50,000บาท ผลผลิต 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ ราคากิโลกรัมละ 10 บาท ขณะที่เทศบาลฯ ใช้งบก่อสร้างฝายฯ เพียง 25,000 บาท เท่านั้น!!
การมีฝายแกนดินซีเมนต์ ช่วยให้ชาวบ้านมีน้ำ มีงานทำ และมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี เนื่องจากฝาย เพิ่งสร้างเสร็จ ชาวบ้านเห็นช่องทางที่จะมีรายได้คือการปลูกข้าวโพด ที่ช่วยให้เกษตรกร มีรายได้เกิดขึ้น เรื่องนี้ผมได้คุยกับท่านนายกแล้วว่า ควรส่งเสริมการปลูกพืชที่มีมูลค่าสูงขึ้น และสามารถนำผลผลิตทั้งหมด เข้าสู่ห้างโมเดิร์นเทรดได้ด้วย อันจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น เรื่องนี้ต้องมีการทำเป็นตัวอย่างไปให้เกษตรกรมีความมั่นใจ
นายกฯ หนานเปรม แจ้งอีกด้วยว่า เทศบาลฯ จะตั้งคณะกรรมการติดตามเฝ้าระวังระดับน้ำบริเวณฝายแต่ละแห่งโดยมีชาวบ้านใกล้ฝายเป็นผู้จดรายงานฯ เพื่อนำข้อมูลมาบริหารจัดการน้ำต่อไป โดยจะร่วมกันจัดทำ ‘ธรรมนูญการใช้น้ำชุมชนเชียงม่วน’
สวัสดีครับ…จากผมเอง
สังศิต พิริยะรังสรรค์
ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา
30 มกราคม 2566