วันที่ 6 ก.พ. 66 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระสังฆราชฯ ที่ตึกภักดีบดินทร์ ว่า ในที่ประชุมมีการพิจารณาหลายเรื่องด้วยกัน ทั้งการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร การกำหนดชื่องานและพิธีการโครงการ และกิจกรรมต่างๆ โดยได้มีคณะกรรมการเรียบร้อยแล้วในขณะนี้ พร้อมดำเนินการตามไทม์ไลน์ให้ทันวันที่ 26 มิ.ย. 66 เนื่องจาก โอกาสสมเด็จพระสังฆราชฯ มีพระชนมายุครบ 8 รอบ หรือ 96 พรรษา
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับ นายชวน หลีกภัย ประธานผู้แทนราษฏรหรือไม่ หลังจากที่นายชวนได้กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไป มาตรา 152 ว่า ให้พล.อ.ประยุทธ์ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี หากอยากให้กฎหมายผ่านต้องนำองค์ประชุมมารวมด้วย ว่า ไม่ได้คุย และตนไม่ได้เป็นอะไรกับทุกพรรคการเมือง แต่ได้ย้ำไปกับรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคทุกพรรค ให้มีความร่วมมือกันในสภาฯ ซึ่งตนก็ทำหน้าที่ของตนไปแล้ว ต้องไปดูประเด็นว่ามีความขัดแย้งในเรื่องอะไร เป็นปัญหาเรื่องกฎหมายของแต่ละหน่วยงานนั่นแหละ จึงขอร้องให้ทุกคนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในเวลาที่มีเหลืออยู่อย่างจำกัด อะไรทำได้ ผ่านได้ กฎหมายใดสำคัญ หากทำให้ผ่านได้ก็ทำซะ
เมื่อถามถึงความกังวลเกี่ยวกับการอภิปรายทั่วไป มาตรา 152 ที่จะเกิดขึ้น ทางพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ที่ประกาศว่าอาจจะไม่ให้ความร่วมมือในการอยู่เป็นองค์ประชุม หรือ ระหว่างที่รัฐมนตรีกำลังชี้แจง อาจจะมีคนลุกออกทำให้องค์ประชุมไม่ครบ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบ แต่ย้อนถามกลับว่า “กฎหมายเขาว่าอย่างไรหล่ะ” ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า เป็นเอกสิทธิ์ของส.ส. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เอกสิทธิ์ก็เอกสิทธิ์สิ ไม่ได้กำหนดไว้ ตามไหนก็ตามนั้นแหละ”
เมื่อถามย้ำว่า ได้แค่ไหนก็แค่นั้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กระบวนการตนไม่ได้ไปขัดแย้งอะไรนี่ ฝ่ายค้านมีสิทธิ์อภิปรายไม่ไว้วางใจ เชิญตนไป ตนก็มีหน้าที่ในการชี้แจง ถ้าอะไรเป็นไปตามกฎระเบียบของกฎหมายของสภาฯก็เป็นของสภาฯ
เมื่อถามว่าหากสภาฯล่ม จะเป็นเหมือนการปิดโอกาสในการชี้แจงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ยังมีช่องทางอื่นอีกเยอะแยะ