6 ก.พ. 2566 – นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “สุดลิ่ม ทิ่มประตู” โดยระบุให้ พรรคเพื่อไทย ประกาศไม่จับมือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พรรคพลังประชารัฐ ให้เด็ดขาดชัดเจน และให้สัญญาว่า ถ้าภายหลังไปจับมือกันพร้อมให้ประชาชนออกมาชุมนุมขับไล่ โดยยกกรณีเหตุการณ์พฤษภา 2535 เป็นตัวอย่างการตระบัดสัตย์ของ พล.อ.สุจิน คราประยูร ที่ภายหลังอ้างความจำเป็นต้องเป็นนายกฯ จนถูกชุมนุมขับไล่
นายจตุพร กล่าวว่า การปฏิเสธความสัมพันธ์แบบไม่ขาดชัดเจน โดยแม้หัวหน้าพรรคแถลงตามมติพรรคว่า จะไม่จับมือกันเด็ดขาด แต่คนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคกลับมาอธิบายว่า ไม่จับมือกันในเวลานี้ ซึ่งเกิดความรู้สึกทางการเมืองแบบอึมครึม
การไม่ตอบให้เด็ดขาดชัด ๆ นั้น ในทางการเมืองจับตาการเคลื่อนไหวของแกนนำหลักพลังประชารัฐอย่างน้อย 3 คน เป็นสองรัฐมนตรีกับหนึ่งรองประธานสภาจะย้ายพรรคไปเพื่อไทย ซึ่งประเมินถึงความเติบโตในตำแหน่งอนาคต เมื่อทั้งสองพรรคได้จับมือร่วมเป็นรัฐบาลกัน เพราะถ้าอยู่พรรคเดิมอย่างพลังประชารัฐ โอกาสมีโควตารัฐมนตรีมีน้อยจึงจำกัดการเติบโต ด้วยเหตุนี้จึงต้องโยกย้ายมาเพื่อไทยที่จะเป็นพรรคใหญ่ โควตารัฐมนตรีก็มากตามมาด้วย
ถ้า ส.ตัวใหญ่มาเพื่อไทย ทางการเมืองอธิบายอนาคตของ พล.อ.ประวิตร พร้อมมาเป็นรองได้ แต่ถ้าเป็นคนอื่น ขณะที่พลังประชารัฐมากบารมีในกลไกรัฐ ประกอบกับหากในกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ไปไม่ถึงนายกฯแล้ว โอกาสของ พล.อ.ประวิตร ย่อมสวมเข้าแทนอำนาจเดิม ทั้ง ส.ว. และองค์กรอิสระ เพื่อเป็นนายกฯ สืบทอด ด้วยการจับมือกับเพื่อไทย
ถ้าเพื่อไทยได้เสียงมาที่หนึ่ง แล้วไปยกมือให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ ก็ถึงขั้นฉิบหายเลย ดังนั้นปรากฎการณ์ของ ส.เสือ-สุรเกียรติ์ เพื่อต้องการให้ พล.อ.ประวิตร ยอมเป็นเบอร์ 2 แทน ถ้าสมมติ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ แล้ว พล.อ.ประวิตร จะมาเป็นรองนายกฯหรือไม่ สิ่งนี้แสดงถึงเกมซึ่ง สุรเกียรติ์ ต้องรู้ว่า อยู่กับใคร รับใช้ใคร และควรทำ-ไม่ทำอะไร
“สิ่งเหล่านั้นเป็นการออกแบบทางการเมืองของบางคน ซึ่งจะพิสูจน์ได้ไม่กี่วัน แต่ถ้าวันหนึ่งพรรคพลังประชารัฐกับเพื่อไทยจับมือกันจริง จะให้ประชาชนทำอย่างไร บอกมาเลย ถ้าพลังประชารัฐกับเพื่อไทยจับมือกัน หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ให้ประชาชนมาขับไล่ได้เลย พูดสิ ๆๆ แล้วตัวเองจะออกมาจากพรรคมาร่วมขับไล่ด้วย พูดสิ ๆ เพราะกระดานทางการเมืองมันไม่มีความลับ”
นายจตุพร กล่าวต่อว่า การเมืองและการจับมือกัน อย่าอ่านชั้นเดียวแค่การโยกย้าย ส.ส. เพราะยังมีการย้ายมาอยู่พรรคที่คาดจะได้เสียงมาก ส่วนแบ่งโควตารัฐมนตรีก็มาก โอกาสจึงเปิดกว้างกว่าการอยู่พรรคเล็กที่มีโควตาน้อยต้องแย่งชิงกัน อย่างไรก็ตาม ยังมีความเห็นเชิงประชดเพื่อไทยว่า สามารถอธิบายคนตัวใหญ่จากพลังประชารัฐย้ายมาเพื่อไทย ก็เคยอธิบายข้อกล่าวหาชิงชังฝ่ายสนับสนุนการสืบทอดอำนาจได้สั้น ๆ มาแล้วว่า ปัจจุบันเขาเปลี่ยนใจแล้ว ดังนั้น ความไม่ดีที่เคยกล่าวหาไว้ก็ปลิวมลายหายไปทันที แล้วล้างให้เป็นนักประชาธิปไตยที่งามผ่องยองใย