วันนี้ (30 ส.ค. 67) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีนายทักษิณ ชินวัตร เข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ระบุว่า ขณะนี้ ป.ป.ช. ตรวจสอบไปเยอะแล้ว ซึ่งมีข้อมูลมากพอสมควร เดี๋ยวจะมีการสรุปว่ามีมูลในการไต่สวนได้หรือไม่
ส่วนหลักฐานภาพวรจรปิดในชั้น 14 ทาง ป.ป.ช. ได้ขอไปนานแล้ว แต่ยังไม่ได้ ซึ่ง ป.ป.ช. ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์และ รพ.ตำรวจ อยู่ตลอด สำหรับการขอไปแล้วแต่หน่วยงานไม่ได้ให้ภาพมาถือว่าผิดปกติหรือไม่ นายนิวัติไชยกล่าวว่าอาจจะต้องเข้าไปตรวจสอบว่ามีภาพกล้องวงจรปิดหรือไม่ หากมีแล้วใช้ได้หรือไม่ รวมถึง ป.ป.ช. ได้ขอข้อมูลเวชระเบียนของนายทักษิณ และข้อมูลอื่น ๆ ไปอีกหลายเรื่อง แต่ยังได้มาไม่ครบ
ส่วนการที่หน่วยงานภาครัฐยังไม่ให้เอกสารมา ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของ ป.ป.ช.หรือไม่ นายนิวัติไชย ย้ำว่า กฎหมายให้อำนาจ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบ หากไม่ได้รับความร่วมมือ ป.ป.ช.ก็มีสิทธิ์เข้าไปตรวจสอบถึงเหตุผลว่าทำไมจึงไม่ให้ และมีข้อเท็จจริงอย่างไร ซึ่งตามหลักการหน่วยงานนั้นต้องชี้แจง เป็นไปตามระเบียบการทำงานของหน่วยงาน
ส่วนกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ออกมาเปิดเผยรายละเอียดถึงการไปเยี่ยมนายทักษิณที่ชั้น 14 จำเป็นต้องเชิญมาเป็นพยานหรือไม่ นายนิวัติไชย ตอบว่า ต้องดูว่าการจะเชิญนั้น จะสอบถามในเรื่องอะไร และมีความจำเป็นจะต้องเชิญมาหรือไม่ ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่พิจารณา เรื่องนี้ตนเองยังไม่สามารถตอบได้
สำหรับประเด็นที่ คปท.เคยร้องขอให้ ป.ป.ช. เชิญ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มาเป็นพยานนั้น นายนิวัติไชย บอกว่า เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่พิจารณาว่ามีความจำเป็นหรือไม่ การเชิญมาให้ข้อมูลนั้นมีน้ำหนักหรือไม่ ไม่เช่นนั้นทุกคนบอกว่าให้เชิญใครมา ก็ต้องเชิญมาหมด ต้องพิจารณาน้ำหนักและข้อเท็จจริงที่เพียงพอ เพราะหากมีการฟ้องร้องทางคดีจะต้องนำไปเป็นพยานและหลักฐานด้วย
ขณะกรณีผลสอบของกรรมการสิทธิมนุษยชน หรือ กสม. ที่พบว่านายทักษิณได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่นที่มีการส่งเรื่องต่อให้กับ ป.ป.ช. นั้น นายนิวัติไชย บอกว่าได้รับข้อเสนอของ กสม. แล้ว ซึ่งจะนำมาพิจารณาเป็นความเห็นประกอบ เป็นไปตามหน้าที่ขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรอบเวลาในการดำเนินงานสอบสวนเรื่องนี้จะใช้เวลาเท่าไหร่นั้น นายนิวัติไชย ไม่ระบุชัด บอกเพียงว่า ต้องดูข้อเท็จจริงที่ได้รับว่าได้ข้อมูลครบถ้วนหรือไม่
อย่างไรก็ตาม กรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถือหุ้นบริษัทต่าง ๆ มีคนไปร้องบ้างหรือยัง นายนิวัติไชย ระบุว่า ยังไม่มีใครร้องมา โดยเรื่องนี้ต้องพิจารณาด้วยว่าอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. ที่จะทำการตรวจสอบหรือไม่ เช่น มีการกระทำผิดต่อตำแหน่ง ฝ่าฝืนจริยธรรม หรือครอบครองหุ้นเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือไม่ ซึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย นายนิวัติไชย ระบุว่า การเซ็นโอนหุ้นของผู้ที่ได้รับตำแหน่งทางการเมือง สามารถทำได้หลังถวายสัตย์ปฏิญาณตนภายใน 15 วันก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องโอนหุ้นก่อนได้รับการโปรดเกล้าฯ ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.หุ้น ซึ่งการถือครองหุ้นหลังจากดำรงตำแหน่งแล้ว ก็ยังสามารถถือครองได้ไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเกินจากนั้นต้องดำเนินการให้นิติบุคคลเป็นผู้จัดการ
เมื่อถามว่าดำเนินการเซ็นโอนหุ้นของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในการโอนหุ้น หากดำเนินการในช่วงนี้ถือว่ายังอยู่ในกรอบของกฎหมายหรือไม่ นายนิวัติไชย บอกว่า อันนี้ต้องไปพิจารณา