ข่าวประจำวัน » “ ทำไมต้องฉลอง นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ . . . ”

“ ทำไมต้องฉลอง นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ . . . ”

29 September 2024
106   0

“ ทำไมต้องฉลอง นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ . . . ”

เมื่อวันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ.2567 สำนักข่าววิหคนิวส์ นำโดย ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญยุทธศาสตร์การเมืองการปกครองชั้นสูง และกลุ่มคณะนายอินทร์ (ผู้ปิดทองหลังพระ) สโมสรยุทธศาสตร์การเมืองการปกครองชั้นสูง เดินทางท่องเที่ยวและจัดการสัมมนาสัญจร ณ อ่าวฉลอง จังหวัดภูเก็ต ถือเป็นการฉลองความสำเร็จของภาระกิจของคณะนายอินทร์ ผู้ปิดทองหลัง ที่ร่วมสนับสนุนและดำเนินกันมาอย่างยาวนาน ด้วยหลักคิดที่ว่า “ทำความดี เพื่อ ความดี ”

บรรยากาศการท่องเที่ยว เป็นไปด้วยความเรียบง่าย สบายๆไปรอบเกาะภูเก็ต ทั้งการรับประทานอาหารพื้นบ้าน ชมวิวทิวทัศน์ทะเลรอบเกาะภูเก็ต กราบไหว้และปิดทองหลวงพ่อแช่มวัดฉลอง ชมพระอาทิตย์ตกดินแหลมพรหมเทพ แวะชมบรรยากาศเมืองเก่าที่ถูกพัฒนาปรับเปลี่ยน ไปตามยุคสมัย หากแต่ยังสามารถสะท้อนวัฒนาธรรมเก่าๆ แม้จะผ่านระยะเวลามาอย่างยาวนาน และถ่ายทอดผ่านการบรรยายประวัติความเป็นมาของชาวภูเก็ต

ได้ที่รับอิทธิพลจากการอพยพของชาวจีน ที่โยกย้ายถิ่นฐานมาในครั้งอดีต ที่ถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์ของจังหวัดภูเก็ต ที่มีหลากหลายเหตุการณ์มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองไทยในครั้งอดีต ที่สามารถสัมผัสบรรยากาศนี้ ได้ที่พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว
จากกิจกรรมสบายๆ สู่ การสัมมนาที่จริงจัง ที่มีผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้ง ON LINE และ OFF LINE กว่า 120 ท่าน ในหัวข้อ “ทำไมต้องฉลอง”

ซึ่งวันเวลาขณะนั้น ถือเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม ที่จะสามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยได้อย่างชัดเจนที่สุด จากมุมมองของนักยุทธศาสตร์ ที่เข้าใจเหตุและผลของปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น จากการกระทำของนักการเมืองที่มีอำนาจในการบริหารประเทศ จากพฤติกรรมของนักการเมืองในอดีตสู่ปัจจุบัน หากมองอย่างลึกซึ้ง การกระทำเหล่านั้น เพื่อต้องการอำนาจ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองทั้งสิ้น จากโครงสร้างทางการเมืองที่เปลี่ยนไป

นับตั้งแต่การเปลี่ยนการปกครองประเทศในปี พ.ศ.2475 ที่เอื้อต่อการเข้ามาซึ่งอำนาจผ่านการลงทุน จากกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่การเริ่มใช้รองเท้าแตะในการหาเสียงเลือกตั้ง กระทั้งการใช้เงินมากมายมหาศาลอย่างที่ผ่านมา
หากแต่หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่ได้รับสมยานามว่า “รัฐธรรมนูญปราบโกง” โดยการแอบซ่อนกลอุบาย กับดักต่างๆ

ในเชิงกลยุทธ์ ผ่านการถอดบทเรียน พฤติกรรมของนักการเมืองตลอด 92 ปีที่ผ่านมา ขั้นการสังเคราะห์ มิใช่เพียงแค่การวิเคราะห์ ที่ใช้คำอธิบายกลยุทธ์ที่ว่าให้เห็นภาพได้ง่าย ว่า “เสือล่อกวาง ”

โดยการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ อย่างถูกต้องและชอบธรรมเพียงเท่านี้ นักการเมือง หรือ ผู้ที่แสวงหาเพียงประโยชน์ส่วนตน โดยไม่คำนึงถึงประเทศชาติ ต่างพากันเดินเข้ามาภายในวงล้อมของเสือด้วยตัวมันเอง จากเหตุการณ์ต่างๆ กระทั้งวันที่ 23 ศาลฎีกาตัดสิทธิ ส.ว.สงขลา ตัดสิทธิ์ 10 ปี ลามโมฆะทั้งสภา

และวันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ.2567 เงิน10,000 โอนเข้าบัญชีผู้รับเงินกลุ่มเปาะบางวันแรก นับได้ว่าเป็นก้าวแรกของการปฏิรูปประเทศสู่ แดนศิวิไลซ์อย่างเป็นรูปธรรม ปรากฏการณ์ต่างๆจะเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน โดยนิติธรรมและนิติรัฐ ที่จะเกิดขึ้นในเวลาอีกไม่นาน

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น จากความล้มเหลวของรัฐ ( Failed State ) ไม่ว่าสภานิติบัญญัติล้มเหลว ฝ่ายบริหารล้มเหลว รวมไปถึง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ ก็จำต้องล้มเหลว

ด้วยเหตุทั้งหมดของปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากการกระทำของนักการเมือง เพื่อผลประโยชน์ของตนทั้งสิ้น การเกิดสูญยากาศทางการเมือง จากความล้มเหลวของรัฐ ( Failed State )ประเทศจะเดินต่ออย่างไร

ประชาชนหมดศรัทธานักการเมือง จนไม่อาจหาทางออกนี้ได้ เมื่อนั้น การต่อต้าทางสังคม ( Social sanction ) จะนำพาสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ ในจังหวะเวลาที่เหมาะสมอย่างชอบธรรม ตามทฤษฎีลูกตุ้มนาฬิกา อย่างชัดเจน การข้ามผ่านช่วงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้เป็นรูปธรรมสู่ แดนศิวิไลซ์ โดยต้องพึ่งอำนาจและพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฐานะประมุขแห่งรัฐ ภายใต้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ตามวาทกรรม “ถวายคืนพระราชอำนาจ”

อย่างชอบธรรมโดย “ราชประชาสมาศัย” พระมาหากษัตริย์กับประชาชนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อนั้นการปฏิรูปประเทศสู่ แดนศิวิไลซ์ จะชัดเจนมากขึ้น ประเทศไทยจะมีความ มั่นคง มั่งคั่ง  ยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ชาติที่ถูกวางไว้อย่างเป็นรูปธรรม ที่ถูกควบคุมการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของชาติภายใต้ข้อบังคับเชิงกลยุทธ์ที่สอดแทรกอยู่ภายในรัฐธรรมนูญ ฉบับพ.ศ.2560 ประเทศไทยจะเข้าสู่แดนศิวิไลซ์ ในไม่ช้า . . .

จักรินทร์ ขู้สกุล
24 กันยายน 2567