ข่าวประจำวัน » อัยการสอบปากคำแล้ว !! ทักษิณ-เพื่อไทย ล้มการปกครอง

อัยการสอบปากคำแล้ว !! ทักษิณ-เพื่อไทย ล้มการปกครอง

6 November 2024
24   0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ถึงพรรคเพื่อไทยเชิญมาให้ถ้อยคำ กรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความได้ยื่นคำร้องขอต่ออัยการสูงสุดขอให้ยื่นคำร้องต่อ ศาสรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิบไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรา 49 แห่งรัฐธรรมนูญ

คณะทำงานพิจารณากรณีมีผู้ขอให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเเล้วมีความประสงค์ทราบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาของอัยการสูงสุด อาศัยอำนาจตามมาตรา 16 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 จึงขอเชิญให้ท่านไปให้ถ้อยคำพร้อมมอบพยานหลักฐาน (ถ้ามี) ต่อพนักงานอัยการ ในวันที่ 30 ต.ค.2567 เวลา 10.00 น.ที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.บรมราชชนนี ตลิ่งชัน 

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นมือกฎหมายพรรคเพื่อไทยได้เดินทางไปให้ถ้อยคำต่อพนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวน 

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2567 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญมีเผยแพร่เอกสาร การพิจารณาคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า”นายทักษิณ ชินวัตร”(ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์

ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุดเพื่อขอทราบว่าได้ดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้องไปแล้วอย่างไร และรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใด โดยให้จัดส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ซึ่งจะครบกำหนดตามวันที่ศาลรัฐธรรมนูญร้องขอประมาณในช่วงวันที่ 7-8 พ.ย.นี้เเล้ว

มีรายงานว่าเมื่อได้รับคำร้องจาก นายธีรยุทธ ได้มีการส่งเรื่องไปยังสำนักงานการสอบสวนสำนักงานอัยการสูงสุด โดยมีคณะทำงานที่มีรองอัยการสูงสุดเป็นประธานคณะทำงานพิจารณาก่อนเสนออัยการสูงสุดพิจารณามีคำสั่ง 

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าคณะทำงานมีความเห็นว่าเรื่องนี้ไม่มีมูลให้ยุติเรื่อง โดยให้เหตุว่า 2 ข้อเเรกที่เป็นข้อพาดพิงสถาบันฯ การกระทำของผู้ถูกร้องไม่มีมูลพฤติการณ์ ส่งผลให้เกิดการเซาะกร่อน บ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันฯ ส่วนคำร้องข้อ3-6 ซึ่งเป็นเรื่องการครอบงำพรรคการเมืองเป็นอำนาจวินิจฉัยของ กกต. ทางคณะทำงานจึงมีความเห็นเสนอควรยุติเรื่องไปยังอัยการสูงสุด 

หลังจากนั้นอัยการสูงสุดได้พิจารณาเเล้วเห็นควรสั่งสอบสวนเพิ่มเติมจากฝ่ายผู้ร้องเเละผู้ถูกร้อง จนนายชูศักดิ์ รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าให้ถ้อยคำต่ออัยการสำนักงานการสอบสวนเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา