กรรมเกิดจากการกระทำ
การพยายามวิ่งเต้นทั้งบน และล่าง หวังตนเอง ลูก ลิ่วล้อรอดคดี ขั้นวิ่งกับลุง แต่เวลานี้ไม่มีใครกล้าเอาด้วยแล้ว แม้จะให้ถุงขนมที่เอามามากเท่าใดก็ตาม หมากมันล้อมไว้หมดแล้ว
การจะเอาเกาะกูดมาเดิมพันก็เพียงเพื่อ แลกกับการเปิดทางหนีไปเขมร แล้วปลุกม๊อบจะมาก่อจราจล และก่อการร้าย จ้างหัวละ 500 ทั้งที่เลือกตั้ง อบจ.ไม่ไปช่วยก็ชนะขาด เพราะเงินล้วนๆ
กวางน้อยติดอยู่ในวงล้อม จะออกก็ออกไม่ได้ จะหนีก็หนีไม่ได้ เพราะครานี้พาลูก ครอบครัวมาติดกับดักทางการเมืองด้วย
ลิ่วล้อทุกราย ตั้งแต่รัฐมนตรี ข้าราชการ ก็คอพาดเขียง ต้องติดคุกติดตาราง เหมือนกว่า 20 รายที่ผ่านมา
แต่รอบนี้ต่างจากเดิม ป๋า อาไกรสร ร.9 ท่านให้โอกาสกลับมา อ้างจะเลี้ยงหลาน เลิกการเมือง รอบ 2 ได้อภัยลดโทษจาก 8 ปี เหลือแค่ 1 ปี ตอนนี้คนไปดีลลับถูกจัดการไปทั้งหมด
หวังคงคิดว่าการเอา ส้ม-แดง มาข่มขู่ บุกวัง ก่อจราจล เผารถตร. เผาป้อมยามตำรวจ อ้างประชาธิปไตย จ้างม๊อบมาบนถนน หลอกเด็ก บุกวัง ใส่ร้ายในหลวง ทั้ง นอกในประเทศ
แต่กลับยิ่งเหิมเกริม เอาทรัพย์แผ่นดินไปให้เขมร คุกไม่ติด ครอบงำ ครอบครอง สั่งการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี เรียกไปถึงบ้านแบบเปิดเผย ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน แล้วยังเอาเงินภาษีมาแจกเย้ยรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ทั้งที่รู้ว่าผิด เพื่อหวังได้คะแนนเสียง ทั้ง ส.ส.-ส.ว.-ครม. ก็ยังกล้ากระทำความผิดร่วมกัน
พอจะโดนเอาผิดก็อ้างกฎหมายเฮงซวย โดนกลั่นแกล้ง ทั้งที่เคยสารภาพว่าทุจริตจริงจึงขอพระราชทานอภัยโทษ กระทำผิดซ้ำซากจนเป็นที่ประจักษ์ ทั้งคนไทย และต่างชาติได้เห็น จนเป็นเยี่ยงอย่างต่อ นักการเมือง ข้าราชการ ไปทุกหย่อมหญ้า
หลังโขนพระราชทาน ที่มีเนื้อเรื่องประพันธ์เกี่ยวกับราชวงศ์จักรี ต่อสู้กับหมู่มาร และการสวนสนามครั้งประวัติศาสตร์ สิ้นสุดลง เมื่อนั้น กรรมก็คงจะเร่งทำงาน ตามเวลาของมัน เพื่อจัดการ “ เจ้ากวางน้อยผู้เหิมเกริม ในวงล้อมพญาเสือ ” กระมัง
“ กรรมเกิดจากการกระทำ ใครทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลกรรมตามนั้น ”
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
18 พฤศจิกายน 2567