คณะกรรมการแพทยสภา พิจารณาคำร้องกรณี ‘ทักษิณ ชินวัตร’ รักษาตัวชั้น 14 มีมูล ส่งเรื่องอนุฯ สอบสวนชุดเฉพาะกิจพิจารณาจริยธรรม หมอ-พยาบาล ทำหนังสือจี้นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ชี้แจงข้อเท็จจริงส่งพยานเอกสารหลักฐานประกอบ 15 ม.ค.นี้ ใครเกี่ยวข้องโดนหมด เผยให้จัดทำคำชี้แจงเป็นตัวพิมพ์ภาษาไทย เว้นแต่เป็นคำศัพท์เทคนิคเฉพาะด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2567 คณะอนุกรรมการสอบสวน ชุดเฉพาะกิจ ของ สำนักงานเลขาธิการแพทยสภา ได้ทำหนังสือแจ้งถึงนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานวัตถุพยานเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาจริยธรรม แพทย์พยาบาล ที่เกี่ยวข้องกรณีนายทักษิณ ชินวัตร เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ทั้งที่ ไม่มีอาการเจ็บป่วยจริงหรือไม่ แพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ออกใบวินิจฉัยโรค และรับรองให้ผู้ป่วยไปพักรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นความเท็จหรือไม่
สำหรับข้อเท็จจริง เอกสารหลักฐานวัตถุพยาน ที่คณะอนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจ ขอให้นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ชี้แจงส่งมอบให้มีจำนวน 8 ข้อ ดังนี้
1. คำชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดการเข้ารับการรักษาพยาบาลในผู้ป่วยราย นายทักษิณ ชินวัตร ทั้งหมดโดยละเอียด
2. ขอทราบชื่อ สกุลแพทย์ ทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้การดูแลรักษาผู้ป่วยราย นายทักษิณ ชินวัตร โดยให้แจ้งชื่อ นามสกุล และเลขใบประกอบวิชาชีพ
3. คำชี้แจงจาก บุคคลในข้อ 2. เกี่ยวกับกระบวนการตรวจ การวินิจฉัย การดูแลรักษาในผู้ป่วยรายนายทักษิณ ชินวัตร โดยละเอียด
4. กรณีนี้เนื่องจากผู้ป่วยรายนายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ต้องขังที่ส่งตัวไปรักษาตัวนอกเรือนจำ นานเกินกว่าสามสิบวัน ตามที่กำหนดในข้อ 7 ของกฎกระทรวง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ซึ่งมีการกำหนดให้ผู้บัญชาการเรือนจำดำเนินการ มีทำหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้ปลัดกระทรวงทราบ ดังนั้น จึงขอความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องดังกล่าว
5. กรณีนี้เนื่องจากผู้ป่วยรายนายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ต้องขังที่ส่งตัวไปรักษาตัวนอกเรือนจำ นานเกินกว่าหกสิบวัน ตามที่กำหนดในข้อ 7 ของกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ซึ่งมีการกำหนดให้ผู้บัญชาการเรือนจำดำเนินการ มีทำหน้าหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดีพร้อมกับความเห็นของแพทผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้ ปลัดกระทรวงทราบ ดังนั้น จึงขอความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องดังกล่าว
6. กรณีนี้เนื่องจากผู้ป่วยรายนายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ต้องขังที่ส่งตัวไปรักษาตัวนอกเรือนจำ นานเกินกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ตามที่กำหนดในข้อ 7 ของกฎกระทรวง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ซึ่งมีการกำหนดให้ผู้บัญชาการเรือนจำดำเนินการ มีทำหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดีพร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้รัฐมนตรีทราบ ดังนั้น จึงขอความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องดังกล่าว
7. สำเนาใบส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาต่อ สำเนาเวชระเบียน สำเนาบันทึกการผ่าตัด สำเนาบันทึกการให้ยาระงับความรู้สึก สำเนาบันทึกการพยาบาล สำเนารายงานทางการแพทย์ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาพถ่ายทางรังสีวินิฉัย ผลการตรวจทางรังสี และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือเอกสารอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการรักษา ผู้ป่วยรายนายทักษิณ ชินวัตร
โดยให้ระบุหมายเลขหน้าเอกสาร ดังกล่าว และให้เจ้าหน้าที่ลงนามรับรองสำเนาเอกสารทุกหน้าด้วย ทั้งนี้ ขอตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.2566 ที่ผู้ป่วยถูกส่งต่อการรักษาไปรักษาในโรงพยาบาลตำรวจ จนกระทั่งผู้ป่วยถูกจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งถือว่าเกี่ยวข้องกับการพิจารณาจริยธรรมในครั้งนี้
8. ข้อเท็จจริงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ในการพิจารณา
ทั้งนี้ ในหนังสือขอข้อมูลของคณะอนุกรรมการสอบสวน ชุดเฉพาะกิจ ระบุให้นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจทำคำชี้แจงพร้อมพยานหลักฐานที่สนับสนุนคำชี้แจง เป็นลายลักษณ์อักษร ตามประเด็นดังกล่าวข้างต้น และเพื่อประโยชน์ในการพิจารณา ให้จัดทำคำชี้แจงเป็นตัวพิมพ์ภาษาไทย เว้นแต่เป็นคำศัพท์เทคนิคเฉพาะ โดยส่งคำชี้แจงพร้อมพยานหลักฐานดังกล่าวไปยังคณะอนุกรรมการสอบสวน ชุดเฉพาะกิจ สำนักงานเลขาธิการแพทยสภา ภายในวันที่ 15 มกราคม 2568 นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การพิจารณาจริยธรรมของคณะอนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจดังกล่าว เป็นผลมาจากสำนักงานเลขาธิการแพทยสภา ได้รับคำร้องให้ตรวจจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม กรณีนายทักษิณ เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ
เบื้องต้น คณะกรรมการแพทยสภา ในการประชุม ครั้งที่ 10 /2567 วันที่ 10 ต.ค.2567 พิจารณาแล้วมีมติ คำร้องมีมูล จึงส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการสอบสวน ชุดเฉพาะกิจพิจารณาจริยธรรมดำเนินการดังกล่าว