.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่าเมื่อวันที่ 17 ก.พ. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมาเลเซีย โดยเนื้อหาตอนหนึ่งแสดงความั่นใจว่าการเป็นผู้นำของมาเลเซียในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถจะแก้ปัญหาความขัดแย้งของเมียนมาที่กินเวลานานถึง 4 ปี จากการรัฐประหารในเดือน ก.พ.2564 ได้
นายทักษิณ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการจากนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่เข้าสู่ตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2568 กล่าวว่านายอันวร์นั้นเป็นคนดี มีความเฉียบแหลมที่มองสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองที่กว้างขวางและละเอียด
อดีตนายกรัฐมนตรีไทยกล่าวกับสำนักข่าว Bernama ที่กรุงเทพ ว่าตัวเขาและนายอันวาร์นั้นเห็นพ้องต้องกันว่าเมียนมานั้นเป็นเหมือนกับช้างในห้องสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียน
“มาเลเซียจะทํางานได้ดีในฐานะประธานกลุ่มภูมิภาค และตัวผมได้เริ่มพบปะกับผู้นํากลุ่มต่อต้านหลายกลุ่มที่เป็นตัวละครสำคัญ โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะแก้ไขความขัดแย้งทางอาวุธที่กําลังดําเนินอยู่ในเมียนมาซึ่งดําเนินมานานกว่าสี่ปี” นายทักษิณกล่าวและกล่าวอีกว่าเหล่าบรรดาผู้นำกลุ่มต่อต้านมาพร้อมกับข้อเรียกร้องมากมาย แต่ตัวเขาบอกว่าให้เหล่าบรรดาผู้นำกลุ่มต่อต้านกลับไปทำรายการข้อเรียกร้องให้สั้นลงและต้องเป็นประโยชน์ในทางปฏิบัติ
“รัฐบาลทหารเมียนมายังจําเป็นต้องใช้แนวทางที่ครอบคลุมมากขึ้นในการนํากลุ่มเหล่านี้เข้ามาก่อนที่จะพูดถึงการจัดการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งการเลือกตั้งอาจจบลงด้วยการไม่ได้รับการยอมรับ” อดีตนายกรัฐมนตรีไทยกล่าว
นายทักษิณกล่าวอีกว่าเขาเชื่อว่าภายใต้การนําของนายอันวาร์ มาเลเซียจะทําได้ดีในฐานะประธานกลุ่มภูมิภาค ในขณะเดียวกัน อดีตนายกรัฐมนตรีไทยแนะนําว่าคงจะดีถ้าอาเซียนสามารถ “ยินยอมได้เล็กน้อย” หากรัฐบาลทหารตกลงที่จะมีส่วนร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ
“ผมเห็นด้วยกับอันวาร์ว่าจำเป็นที่ทุกฝ่ายจําเป็นต้องมีส่วนร่วมในการเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้ง” นายทักษิณกล่าว
อดีตนายกรัฐมนตรีไทยกล่าวต่อไปว่าเขาแนะนําให้อาเซียนนําสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซีมาใช้ โดยกลุ่มสมาชิก 10 ประเทศต้องไม่พลาดโอกาสนี้ เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ คาดว่าจะผลักดันให้ใช้คริปโทเคอร์เรนซีในวงกว้าง
“ทรัมป์ได้แสดงการสนับสนุน Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ อย่างเปิดเผย ดังนั้นอาเซียนจึงต้องศึกษาว่าเราจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไรเพื่อไม่ให้เราถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” นายทักษิณกล่าว
เกี่ยวกับการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน อดีตนายกรัฐมนตรีไทยกล่าวว่าอาเซียนตระหนักถึงความซับซ้อน แต่เน้นย้ำว่ากลุ่มอาเซียนนี้ยึดมั่นในความมุ่งมั่นในการเป็นกลางมาโดยตลอด
“สหรัฐฯ เป็นพันธมิตรของเรามาเป็นเวลานาน แต่จีนเป็นเพื่อนบ้านของเรา คงจะดีถ้าสหรัฐฯ มีส่วนร่วมกับอาเซียนมากขึ้น” นายทักษิณกล่าวต่อคำถามที่ว่ารัฐบาลทรัมป์สมัยจะแสดงความสนใจในภูมิภาคนี้มากขึ้นหรือไม่
“ด้วยประชากรมากกว่า 600 ล้านคนและผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เกิน 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้นอาเซียนควรได้รับความสนใจมากขึ้น” อดีตนายกรัฐมนตรีไทยกล่าวทิ้งท้าย