.
วันศุกร์ที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนนทบุรีได้นัดฟังคำสั่งในคดีความอาญา หมายเลขดำที่ อ.867/2567 ระหว่างนางสาวรติศา วิเชียรพิทยา โจทก์ กับ บริษัท เอนิวซัน จำกัด จำเลยที่ 1 และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล จำเลยที่ 2
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่ น.ส.รติศา หรือชื่อเล่นเนม ได้ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในนาม Nailname# (เนลเนมแฮชแท็ก) ได้ทำช่องสรุปข่าวโดยกล่าวถึง นายสนธิ กับ นายทักษิณ ชินวัตร โดยพาดหัวคลิปว่า “สนธิ VS ทักษิณ ตำนานเพื่อนรักไม่ให้ยืมเงิน จุดเริ่มต้นสงครามเหลือง-แดง” และเผยแพร่ต่อสาธารณะในช่องทางต่างๆ เมื่อวันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม 2566 โดยกล่าวถึงข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับนายสนธิหลายเรื่อง เช่น อ้างว่านายสนธิไปยืมเงินทักษิณแล้วไม่ให้ยืม จึงโกรธแค้นนายทักษิณ แล้วใช้ความเป็นสื่อมาสู้กับทักษิณ, ความวุ่นวายทั้งหมดในประเทศนี้เริ่มจากเพื่อนกันขอยืมเงินแล้วไม่ให้ เป็นต้น จากนั้นในรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ Ep.201 ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 จึงนำเรื่องนี้มากล่าวถึง โดยนายสนธิยืนยันว่าจะยื่นฟ้องหมิ่นประมาทต่อ น.ส.รติศา และต่อมาทนายความของนายสนธิได้ฟ้องร้อง น.ส.รติศาเมื่อวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.2362/2566 ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องไปแล้ว และชี้ว่ามีมูล ปัจจุบันคดีนี้อยู่ในขั้นตอนสืบพยาน
จากนั้นประมาณ 10 เดือน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 น.ส.รติศาได้มอบหมายให้ นายรัฐศาสตร์ ชุนหอำไพ ทนายความ ยื่นฟ้องต่อ บริษัท เอนิวซัน จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายการสนธิทอล์ก และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ต่อศาลอาญาจังหวัดนนทบุรี ในข้อหาดูหมิ่นด้วยการโฆษณา, หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ 867/2567
จนเมื่อวันศุกร์ที่ 21 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมาศาลจังหวัดนนทบุรีได้นัดคู่ความฟังคำสั่งว่าคดีดังกล่าวมีมูลหรือไม่ ซึ่งในที่สุดศาลได้พิพากษาว่าคดีที่ น.ส.รติศาฟ้องกลับ บ.เอนิวซัน และนายสนธินั้น “ไม่มีมูล”
ซึ่งรายละเอียดคำพิพากษาโดยย่อมีดังนี้
“วิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์ และจำเลยทั้งสองนำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง เห็นว่า โจทก์พาดพิงถึงจำเลยที่สองในแอปพลิเคชัน YouTube และ Facebook ตามเอกสารหมาย ล.1 โดยมีข้อความว่า “สนธิ vs ทักษิณ ตำนานเพื่อนรักไม่ให้ยืมเงิน จุดเริ่มต้นของสงครามเหลือง-แดง” การที่โจทก์เผยแพร่ในลักษณะดังกล่าว แม้จะเป็นการเล่าถึงประวัติศาสตร์และสถานการณ์การเมืองของประเทศ แต่ก็อาจทำให้จำเลยที่ 2 เสียหายได้ การที่จำเลยที่ 2 เผยแพร่คลิปผ่านแอปพลิเคชัน YouTube Facebook และ TikTok ของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นผู้ดำเนินรายการผ่านช่องทางต่างๆ บนสื่อออนไลน์ที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ผลิตอยู่แล้ว ในทำนองว่า โจทก์เป็นคนอายุน้อยประสบการณ์น้อย พยายามทำให้ตนเป็นที่สนใจ พูดโกหกในเรื่องของจำเลยที่ 2 กับนายทักษิณ ทั้งที่ทำงานเป็นพนักงานนวด แต่งเรื่องขึ้นมาเองเพื่อให้ประชาชนติดตาม โดยใช้คำว่า ปั้นน้ำเป็นตัว เด็กเมื่อวานซืน ตอแหล หิวแสง บิดเบือน เสกสรรปั้นแต่ง มโน นั้น จึงเห็นได้ชัดว่าการกระทำของจำเลยทั้งสอง เป็นการกระทำเพื่อตอบโต้คลิปที่โจทก์กล่าวพาดพิงถึงจำเลยที่ 2 ว่าไม่เป็นความจริง จึงเป็นการแสดงความคิดเห็น หรือข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 (1)
“ส่วนที่จำเลยที่ 2 กล่าวหาว่าโจทก์เป็นหมอนวดนั้น โจทก์ก็ตอบทนายจำเลยทั้งสองว่าเคยทำงานที่ร้านนวดโดยบรรยายฟ้องว่าทำงานเป็นพนักงานต้อนรับ ดังนี้แ แม้คำพูดของจำเลยที่ 2 จะคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง แต่อาชีพหมอนวดก็เป็นอาชีพสุจริต ทั้งวิญญูชนทั่วไปก็ไม่น่าจะคิดว่าผู้ที่ประกอบอาชีพนี้จะไม่สามารถทำงานสื่อได้ ข้อความในส่วนนี้จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นโจทก์
“ส่วนจำเลยที่ 2 ใช้คำว่าเด็กเมื่อวานซืนก็เป็นการพูดในเชิงเปรียบเทียบว่า โจทก์มีอายุน้อยกว่าจำเลยที่ 2 มากและมีประสบการณ์น้อยกว่าจำเลยที่ 2 มาก ซึ่งก็เป็นความจริง จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นโจทก์
“ส่วนที่จำเลยทั้งสองนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของโจทก์ที่มีการตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงตามเอกสารหมาย จ.30 และ จ.31 น้้น ก็เป็นการนำภาพของโจทก์จริงๆ มาใส่ข้อความว่าจุดจบสายมโนโซเชียลเท่านั้น ข้อความดังกล่าวก็มีความหมายเพียงว่า จุดจบของคนที่ทำสื่อสังคมออนไลน์ที่ทำเนื้อหาโดยคิดเอาเอง จึงยังไม่ถึงขนาดที่จะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังหรือได้รับความอับอาย
“ทั้งลักษณะการกระทำของจำเลยทั้งสองก็เป็นการตอบโต้เนื้อหาของคลิปรายการที่โจทก์กล่าวพาดพิงถึงจำเลยทั้งสอง ว่าไม่เป็นความจริง จึงถือเป็นการติชมด้วยความชอบธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำด้วย การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 16 คดีของโจทก์จึงไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง”
ทั้งนี้ ส่วนของคดีที่ทนายความของนายสนธิได้ยื่นฟ้องร้อง น.ส.รติศาเมื่อวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.2362/2566 ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องไปแล้ว และชี้ว่ามีมูลนั้น ปัจจุบันคดีนี้นั้นอยู่ในขั้นตอนสืบพยาน ซึ่งทนายความของนายสนธิเปิดเผยว่าคดีนี้มีการเลื่อนนัดหลายครั้ง แต่น่าจะสามารถสืบพยานได้ภายในปี 2568 นี้