ข่าวประจำวัน » เลขากฤษฎีกาชี้คณะกรรมการคดีพิเศษกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSl อาจมีความผิด ตามประมวลกฏหมายอาญา มตรา 157

เลขากฤษฎีกาชี้คณะกรรมการคดีพิเศษกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSl อาจมีความผิด ตามประมวลกฏหมายอาญา มตรา 157

1 March 2025
7   0

……………………######……………………

โดย ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม
นิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ทำหน้าที่อาจารย์ที่ปรึกษาร่วมและเป็นอาจารย์สอบวิทยานิพนธ์ และค้นคว้าอิสระให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยรามคำแหง


ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เป็นกรรมการโดยตำแหน่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSi ได้เห็นชอบ ในที่ประชุมคณะกรรมการ
คดีพิเศษให้แล้ว คดี ฮั้วส.ว. จำนวน 183 คน ให้รับเป็นคดีพิเศษ

แต่ตำรวจ ทั้งสามนาย ประกอบด้วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
และตำรวจระดับนายพลอีกสองนายไม่เข้าร่วมประชุม เป็นเหตุให้ไม่ครบองค์ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษจึงต้องเลื่อนนัดประชุมออกไป

ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้ เลขากฤษฎีกา ชื้ คณะกรรม การคดีพิเศษกับพวกอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เพราะไม่มีอำนาจ

ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ยังลุแก่อำนาจที่เป็นหัวโขน
เป็นผู้บริหารระดับสูงโดดเข้ารับเรื่อง ที่ สว.สต.ยื่นเรื่องถึงนายกสภา เพื่อให้ตรวจสอบ การเลือกตั้งฮั้ว สว.183 คน เป็นคดีอาญาร้ายแรงกับผู้ทรงเกียรติ ในสถาบันวุฒิสภา ที่ได้รับการรับรองมาแล้ว 9 เดือนโดยไม่ปรึกษาหารือคณะกรรมการสภาทนาย โดยอ้าง ข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือ คุ้มครองประโยชน์สาธารณะ จึงรับเรื่อง

ที่แท้ เป็นการพา สภาทนายความเข้าสู่จุดอับ killing zone

นำพาสภาทนายความ
ที่มีสมาชิกร่วม 100,000 คนไปวิวาทะ กับ นักการเมืองไม่ว่าจะเป็นซีกใด

การกระทำดังกล่าว
จึงเป็นการ นำพาสภาทนายความ ซึ่งเป็นนิติบุคคล ไปก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง โดยผิดวัตถุประสงค์
สภาทนาย ม.7 แตกแยกแตกสามัคคี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทนายความผู้มีวิชาชีพ กระจายกันอยู่ตามฝ่ายการเมือง ทั้งสองฝ่าย

กรณีเช่นว่านี้ เป็นการใช้อำนาจ ในการทำหน้าที่ ของนายกสภาทนาย ความ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบ ของคณะกรรมการสภา ไม่มีลักษณะการเป็นผู้นำ
ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม

โดยใช้อำนาจ ตามข้อบังคับ คุ้มครองประโยชน์สาธารณะ ที่เกิดขึ้นโดยผิดกฎหมาย เพราะพรบ.ทนายความ
ไม่มีบทบัญญัติให้เข้าเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง

ที่บทบัญญัติเฉพาะ มาตรา 7 ต้องช่วยเหลือประชาชน ที่ยากไร้ ไม่ได้รับความเป็นธรรม เท่านั้น

ส่วนข้อบังคับ เพื่อ คุ้มครองประโยชน์สาธารณะ เป็นการใช้กฎหมายผิด ไปจากอำนาจหน้าที่ตาม พรบ.ทนาย อย่างชัดแจ้ง

เรื่องแบบนี้ ผู้นำองค์กรหากไม่มีความเข้าใจบทบาท โดยลุแก่อำนาจ
นำพาทนายความ ลงเหว กันทั่วปาะเทศ ย่อมเกิดความเสียหาย ยาก
ที่จะ เยียวยากลับคืนสู่ฐานะเดิมได้

อดทนกันหน่อยนะครับเพื่อนสมาชิกสภาทนายความทั่วประเทศ ใกล้จะวันเลือกตั้ง นายก และคณะกรรมการสภาทนายความ ใหม่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ ผ่านมาสมาชิกท่านทนายความและทนายอาสาทั่วประเทศได้อะไรจาก ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความบ้าง

นอกจากไม่มีผลงานอะไร เป็นที่ประจักษ์แล้ว ยังอยู่แต่ในห้องแอร์ จ้องแต่จะรับคดีใหญ่ๆ อย่างคดี
“ดี-ไอคอน“ อันมีผลประโยชน์ซับซ้อน และ

คดี ฮั้ว สว. ชึ่งเป็นคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ชึ่งเป็น ระบบไต่สวนเป็นอำนาจอำนาจของ กกต. และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นผู้อำนาจไต่สวน

ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความใช้อำนาจอะไรไปรับตรวจสอบให้เป็นคดีอาญา ในระบบ “กล่าวหา”

บทบาทของนายกสภาทนายความแสดงให้เห็นถึงความรู้และความสามารถของผู้นำองค์กรบังคับใช้กฎหมายไปอย่างไม่ถูกต้อง

จึงยังจะสมควร
ที่จะได้รับเลือกการเป็นนายกสภาทนายความ
ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอีกหรือ

จึงเห็นสมควรให้เพื่อนสมาชิกทนายความทั่วไปและทนายอาสาทั่วประเทศ เลือกคนรุ่นใหม่ เป็นนายกสภาทนาย ความคนใหม่ เพื่อนำพาองค์กรสภาทนายความ ไปสู่ความเป็นเลิศ

ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม