ข่าวประจำวัน » เจรจาไม่จบ !! ทวี สอบ ฮั้วส.ว.เป็นคดีพิเศษ ฐานฟอกเงิน หลังเนวิน-ทักษิณเจรจา

เจรจาไม่จบ !! ทวี สอบ ฮั้วส.ว.เป็นคดีพิเศษ ฐานฟอกเงิน หลังเนวิน-ทักษิณเจรจา

6 March 2025
36   0

.

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 6 มีนาคม ที่กระทรวงยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) พร้อมพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะรองประธานคณะกรรมการฯ ร่วมกันแถลงข่าว หลังการประชุมพิจารณารับคดีฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษในความผิดฐานฟอกเงิน

การประชุมในวันนี้ มีทั้งสิ้น 18 ราย จากทั้งหมด 22 ราย ผู้ที่ลงเสียงไม่เห็นด้วย 4 คน ประกอบด้วย 1.นายนพดล เกรีฤกษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (ผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา) 2.นายจิรานุวัฒน์ ธัญญะเจริญ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกฎหมาย (ผู้แทนผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย)
3.นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง (ผู้แทนปลัดกระทรวงมหาดไทย) และ 4.พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการปราบปรามผู้มีอิทธิพล เข้าร่วมประชุมเอง

ส่วน 3 คน ที่งดออกเสียง ประกอบด้วย 1.นายณรงค์ งามสมมิตร ที่ปรึกษากฎหมาย (ผู้แทนปลัดกระทรวงพาณิชย์) 2.นางเยาวลักษณ์ นนทแก้ว อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ (ผู้แทนอัยการสูงสุด) และ 3.นายอรรถพล อรรถวรเดช ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง (ผู้แทนปลัดกระทรวงการคลัง)

ส่วน อีก 11 คน คือ 1.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี 2.พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม 3.นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม 4.พลเอก พิสิษฐ์ นพเมือง เจ้ากรมพระธรรมนูญ 5.นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ 6.พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดี 7.นางดวงตา ตันโช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ 8.นายชาติพงษ์ จีระพันธุ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย 9.นายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย 10.นางทัชมัย ฤกษะสุต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย และ 11.นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร

ส่วนที่เหลือ อีก 4 คน ไม่ได้เข้าร่วมประชุม และในวันนี้พบคนที่ออกจากการประชุม 1 คน นายเพ็ชร ชินบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ให้เหตุผลว่าต้องไปภารกิจที่ต่างประเทศ

ขณะที่พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่งผู้แทนเนื่องจากติดภารกิจ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และพล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา ไม่เข้าร่วมประชุม

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ประเด็นที่ 1 การประชุมในวันนี้ทางบอร์ดกคพ.ได้พิจารณาข้อเท็จจริงเนื่องจากมีผู้มาร้องกล่าวหาว่ามีการกระทำความผิดตามกฎหมายที่เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยทางบอร์ดวันนี้ไม่ได้พิจารณาในกระบวนการเกี่ยวกับการเลือกส.ว.แต่อย่างใด แต่ทางบอร์ดได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการร้องทุกข์มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินซึ่งมีลักษณะเป็นคดีพิเศษตามกฎหมายการสอบสวนคดีพิเศษซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายกับการได้มาซึ่งส.ว. ที่ระบุว่าการใช้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจให้เลือกหรือไม่เลือกผู้สมัครเป็นความผิดฐานฟอกเงินด้วย ทางบอร์ดขอย้ำว่าการพิจารณาคดีว่าเป็นคดีพิเศษครั้งนี้ผ่านการพิจารณาของบอร์ดที่ประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากหลากหลายที่ ไม่ได้มาจากการตัดสินใจโดยคนใดคนหนึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงความโปร่งใสและตรวจสอบได้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายทั้งหมด

2.ไม่ได้เป็นการยุ่งเกี่ยวอำนาจและหน้าที่ของกกต. ซึ่งกกต.ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการดูแลการเลือกตั้ง กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานของรัฐที่ดูแลเรื่องการดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับบุคคลที่กระทำความผิดตามกฎหมายการสอบสวนคดีพิเศษเท่านั้น ดังนั้เป็นการทำงานในลักษณะประสานงานร่วมกัน เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายของตนเองที่แตกต่างกันจะมีเป้าหมายเดียวกัน ก็ต้องไม่ลืมว่าทางดีเอสไอได้รับการร้องทุกข์จากประชาชนผู้เสียหาย เพราะฉะนั้นนิ่งเฉยก็ไม่ได้เพราะจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งผลเสียจะเกิดกับประชาชน

3.การที่ทางดีเอสไอ ได้รับเรื่องนี้ไว้แต่ผู้กล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ถึงจะต้องมีกระบวนการการสืบสวนสอบสวนตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจะต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายทั้งหมด โดยในที่ประชุมมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 18 คน มีผู้ลาประชุม 3 คน และอีก 1 คนได้เซ็นชื่อเข้าร่วมประชุมแต่ขอออกจากที่ประชุมก่อน ซึ่งมติชี้ขาดฐานคดีฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษ ซึ่งมีลักษณะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 (1) ตามบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ซึ่งตามบอร์ด กคพ. จะโหวตตามเสียงข้างมาก โดยทั้ง 18 คน มีมติรับเป็นคดีพิเศษ 11 คน งดออกเสียง 3 คน และ ไม่เห็นด้วย 4 คน ส่วนตามมาตรา 21(2) ตามเสียง 2 ใน 3 ในที่ประชุม ซึ่งไม่ได้เข้าเงื่อนไขดัวกล่าว ทั้งนี้หากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพบการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. 2561 มาตรา 77 วรรคหนึ่ง อันอยู่ในหน้าที่และอำนาจของกกต.ให้แจ้งต่อคณะกรรมการ กกต.ทราบ เพื่อพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจต่อไป

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าในการพิจารณาในเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของบุคคลหรือการเมือง เราพิจารณาตามข้อกฎหมายแท้ๆ เราทราบดีว่าแต่ละท่านก็ต้องกังวลใจ ถ้าเราทำอะไรไม่ถูกไม่ควรมันจะมีผล ซึ่งเป็นความในใจที่ไม่ได้เป็นปัญหาในการตัดสินใจของเรา แต่เราจะทำในสิ่งที่รอบคอบมากที่สุดในการพูดคุยกับทุกฝ่าย ผลออกมาอย่างไรก็อย่างนั้น และขณะนี้ก็เป็นเพียงแค่กระบวนการที่รับมาเพื่อจะสืบสวน สอบสวน ทั้งหมดก็อยู่ที่ศาลยุติธรรมจะต้องเป็นผู้ตัดสินในขั้นสุดท้ายเราไม่ได้เป็นผู้ชี้ขาดความผิด

ด้านพ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า หลังจากมีการรับเป็นคดีพิเศษ จะเชิญพนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วยเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และอำนวยความยุติธรรม และจะตั้งคณะทำงานสอบสวนเพื่อนำไปสู่การสอบสวน ทั้งนี้ มีการประสานข้อมูลกับ กกต. อยู่แล้วเพราะที่ผ่านมาร่วมกันทำงานกันมาตลอด เพราะข้อหาฟอกเงินข้อผิดอาญาอื่นไม่จำเป็นต้องเชิญผู้แทน กกต. ส่วน ส.ว มีการแสการแสดงความเห็นว่า.ได้มาโดยชอบและไม่ได้ไปทำผิดตามข้อกล่าวหา ซึ่งกระบวนการได้มาซึ่ง ส.ว. มีการตรวจสอบอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้มีผู้มาร้องและกระทบต่อความมั่นคง ถ้าเราไปครอบงำก็จะส่งผลกระทบต่อฝ่านนิติบัญญัติ ทั้งนี้ดีเอสไอ ทำเฉพาะกรณีความผิดเกี่ยวกับฟอกเงิน และอาจขยายผลเกี่ยวกับคดีอาญาอื่น เช่น อั้งยี่ แต่ถ้าหากกลุ่มส.ว.อยากมาให้การแสดงความบริสุทธิ์ เราก็พร้อมที่จะรับฟัง

ส่วนกระบวนการหลังจากรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ก็จะมีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อทำการสอบสวนและออกหมายเรียกพยาน รวมไปถึงการสืบเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะในส่วนของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้เงินหรือรับผลตอบแทนตัวเงิน รวมถึงการพิจารณารายการทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ซึ่งหากพบที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินทางอาญาในคดีมูลฐาน เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะทำการออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบชั่วคราว