ใหญ่คับรั้วจามจุรี !! “เลขาสภานิสิตจุฬาฯ” ยอมลาออกพ้นตำแหน่ง หลังโพสต์หมิ่น “ท่านเนติวิทย์”
นายฉัตรมงคล ปิ่นทอง ลาออกพ้นตำแหน่งเลขาธิการสภานิสิตจุฬาฯ หลังโพสต์หมิ่น นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ประธานสภานิสิต ด้านเจ้าตัวโร่แจงไม่ได้ระบุแต่แรกว่าหมายถึงใคร !!
ตกเป็นประเด็นดราม่าที่โลกออนไลน์กำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ เมื่อนายฉัตรมงคล ปิ่นทอง เลขาธิการสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่เป็นการกล่าวถึงบุคคลคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้าองค์กร ชอบสถาปนาตัวเองว่าเป็นนักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เป็นหัวหน้าที่ทำไม่ได้อย่างที่พูด ดีแต่ปาก พร่ำเพ้อว่าอยากให้คนรุ่นใหม่เข้าใจวิทยาการต่าง ๆ ที่เขาอยากให้คนรุ่นใหม่รู้ในมุมมองของเขา แต่เมื่อมีคนมาถามว่าองค์ความรู้เหล่านั้นคืออะไร กลับตอบไม่ได้ แถมไล่ให้ไปหาอ่านเอาเอง จนถูกตีความว่าบุคคลที่ถูกกล่าวถึงนั้น คือ นายเนตวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด (13 กรกฎาคม 2560) มีรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย SCCU ได้มีการเผยแพร่หนังสือประกาศจากทางที่ประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า นายฉัตรมงคล ปิ่นทอง ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการสภานิสิต โดยระบุว่า…
“ด้วย นายฉัตรมงคล ปิ่นทอง เลขาธิการสภานิสิต ได้ถูกกล่าวหาว่าทำการหมิ่นประมาท นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ประธานสภานิสิตต่อบุคคลที่สาม เพื่อทำให้ผู้อื่นมีความเข้าใจผิด อันทำให้ประธานสภานิสิตถูกเกลียดชัง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสภานิสิต กระทบต่อการดำเนินงานและความสัมพันธ์ภายในองค์กร และเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปในทางมิชอบ
บัดนี้สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้พิจารณาและสอบสวนในที่ประชุมเรียบร้อยแล้ว โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.บัญชา ชลาภิรมย์ รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งดังกล่าว ที่ประชุมพบว่านายฉัตรมงคล ปิ่นทอง เลขาธิการสภานิสิต มีความผิดด้วยมติเป็นเอกฉันท์ 24 เสียง ดังนั้นนายฉัตรมงคล ปิ่นทอง จึงขอรับผิดชอบความผิดด้วยการลาออกจากการดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภานิสิต และยังคงเป็นสมาชิกสภานิสิตสามัญอยู่เช่นเดิม”
เลขาสภานิสิตจุฬาฯ ยอมลาออกพ้นตำแหน่ง
ต่อมา จากการตรวจสอบไปยังเฟซบุ๊กของนายฉัตรมงคล ปิ่นทอง พบว่ามีการโพสต์ข้อความที่ระบุว่า ข้อความที่โพสต์ไปนั้น ตนเองไม่ได้เจาะจงว่าหมายถึงใคร เพียงแต่กล่าวแทนบุคคลที่สามว่า หากท่านอยู่องค์กรที่ผู้นำลักษณะดังกล่าว ท่านในฐานะหัวหน้า ควรปรับปรุงตัว และท่านในฐานะลูกน้องไม่ควรสนับสนุนหัวหน้าเกินกว่าหน้าที่ แล้วอะไรที่น่าเจาะจงหละ
ที่มา : kapook.com