ไลฟ์สไตล์ » สุขภาพ » ประโยชน์ของอะโวคาโด ที่ทุกคนยังไม่รู้!!! (Avocado)

ประโยชน์ของอะโวคาโด ที่ทุกคนยังไม่รู้!!! (Avocado)

11 May 2017
2177   0

อะโวคาโด

อะโวคาโด, อาโวคาโด, อาโวกาโด, อโวคาโด้ (Avocado) หรือ ลูกเนย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Persea americana Mill เป็นต้นไม้พื้นเมืองของเม็กซิโกในรัฐปวยบลา จัดอยู่ในวงศ์เดียวกันกับกระวาน, อบเชย, เบย์ลอเรล สำหรับประเทศไทยมีการนำมาปลูกครั้งแรกที่จังหวัดน่าน ก่อนจะแพร่ขยายไปทั่วประเทศ โดยอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีเนื้อมันเป็นเนย ลักษณะของผลจะมีรูปร่างคล้ายสาลี่ หรือรูปไข่จนถึงรูปกลม

อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานกันมากในแถบยุโรปและอเมริกา เพราะมีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุหลากหลายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก แต่สำหรับบางคนแล้วกลับไม่ชอบรับประทานอะโวคาโดเอาเสียเลย เพราะเป็นผลไม้ที่ไม่มีรสหวาน และมีไขมันสูง ผลไม้ชนิดนี้จึงถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย

แม้ว่าผลอะโวคาโดน้ำหนัก 100 กรัม (ประมาณครึ่งผล) จะมีไขมันสูงถึง 14.66 กรัม ! (ถ้าเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นจะมีไขมันน้อยมากหรือไม่มีไขมันเลย) แต่คุณทราบหรือไม่ว่าการรับประทานอะโวคาโดไม่ได้ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เมื่อเทียบกับการรับประทานไขมันอื่นในปริมาณเท่ากัน แถมการรับประทานอะโวคาโดยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย และไม่ทำให้อ้วน แถมยังช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

ประโยชน์ของอะโวคาโด
อะโวคาโด มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวช่วยปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย
ประโยชน์ของอโวคาโดอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่สามารถช่วยลดริ้วรอยแห่งวัยได้ดีกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ จึงช่วยคงความอ่อนเยาว์ได้เป็นอย่างดี
ช่วยบำรุงและรักษาสายตาได้
อะโวคาโดช่วยลดน้ำหนัก การรับประทานอะโวคาโดสามารถช่วยลดน้ำหนักตัวและลดระดับไขมันชนิดเลว (LDL) ลงได้อย่างชัดเจน
อะโวคาโดเป็นแหล่งของกรดไขมันชนิดดี (HDL) ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก เพราะมีคุณสมบัติในการช่วยลดไขมันเลวในหลอดเลือดได้ จึงช่วยป้องกันการสะสมของไขมันในเส้นเลือด ช่วยลดโอกาสเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบและโรคหัวใจวาย
ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้
สรรพคุณของอะโวคาโด ในผลอะโวคาโดมีวิตามินซีซึ่งช่วยป้องกันหวัดได้
อะโวคาโดมีสรรพคุณช่วยป้องกันการเกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน
สรรพคุณอะโวคาโด ช่วยป้องกันการเกิดโรคปากนกกระจอก
อะโวคาโดมีโปรตีนสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย มีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี
ไขมันในอะโวคาโดสามารถช่วยดูดซึมสารแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งเป็นตัวช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นไลโคปีน เบตาแคโรทีน หรือลูทีนในผักผลไม้ต่าง ๆ
ประโยชน์อะโวคาโด การรับประทานอะโวคาโดเป็นประจำจะช่วยป้องกันและลดความถี่ของการเกิดโรคเหน็บชาได้
อะโวคาโดมีประโยชน์อย่างมาก ซึ่งเหมาะให้ลูกน้อยรับประทานเป็นอาหารเสริม แม้ว่าจะมีแคลอรีสูงแต่ก็อุดมไปด้วย DHA และไขมันดี (HDL) ในปริมาณที่สูงเช่นกัน
อะโวคาโด เมนูอะโวคาโดมีโฟเลตสูง ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญสำหรับหญิงตั้งครรภ์อย่างมาก เพราะจำเป็นสำหรับทารกในครรภ์
น้ำมันอะโวคาโดเป็นน้ำมันที่ดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีที่สุดหากเทียบกับน้ำมันอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด อัลมอนด์ หรือแม้กระทั่งน้ำมันมะกอก
น้ำมันอะโวคาโดสามารถนำมาใช้นวดศีรษะเพื่อช่วยเร่งการงอกของเส้นผมได้
อะโวคาโด ประโยชน์นิยมรับประทานเป็นผลไม้สด หรือรับประทานร่วมกับไอศกรีม นมข้นหวาน น้ำตาล เค้ก สลัด ฯลฯ
เนื้อของอะโวคาโดสามารถนำมาปรุงอาหารแทนเนยได้
ประโยชน์ของอโวคาโด สามารถนำมาสกัดน้ำมันทำเป็นเครื่องสำอางได้
ประโยชน์อาโวคาโดสดสามารถใช้บำรุงผิวพรรณและเส้นผมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีผิวแห้ง ซึ่งจะช่วยทำให้คุณมีผิวพรรณที่ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวาได้

คุณค่าทางโภชนาการของอะโวคาโดดิบต่อ 100 กรัม
ประโยชน์ของอะโวคาโดพลังงาน 160 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 8.53 กรัม
น้ำตาล 0.66 กรัม
เส้นใย 6.7 กรัม
ไขมัน 14.66 กรัม
กรดไขมันอิ่มตัว 2.13 กรัม
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 9.8 กรัม
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 1.82 กรัม
โปรตีน 2 กรัม
น้ำ 73.23 กรัม
วิตามินเอ 7 ไมโครกรัม 1%
เบตาแคโรทีน 42 ไมโครกรัม 1%
ลูทีนและซีแซนทีน 271 ไมโครกรัม
วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม 6%
วิตามินบี 2 0.13 มิลลิกรัม 11%
วิตามินบี 3 1.738 มิลลิกรัม 12%
วิตามินบี 5 1.389 มิลลิกรัม 28%
วิตามินบี 6 0.257 มิลลิกรัม 20%
วิตามินบี 9 81 ไมโครกรัม 20%
วิตามินซี 10 มิลลิกรัม 12%
วิตามินอี 2.07 มิลลิกรัม 14%
วิตามินเค 21 ไมโครกรัม 20%
ธาตุแคลเซียม 12 มิลลิกรัม 1%
ธาตุเหล็ก 0.55 มิลลิกรัม 4%
ธาตุแมกนีเซียม 29 มิลลิกรัม 8%
ธาตุแมงกานีส 0.142 มิลลิกรัม 7%
ธาตุฟอสฟอรัส 52 มิลลิกรัม 7%
ธาตุโพแทสเซียม 485 มิลลิกรัม 10%
ธาตุโซเดียม 7 มิลลิกรัม 0%
ธาตุสังกะสี 0.64 มิลลิกรัม 7%
ธาตุฟลูออไรด์
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)

อะโวคาโดกินอย่างไร วิธีกินอะโวคาโดไม่นิยมรับประทานผลดิบเนื่องจากมีรสขม แต่นิยมรับประทานแบบสุก ด้วยการปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นสีเหลี่ยมลูกเต๋าใส่น้ำกะทิ หรือจะผ่าตามยาว เอาเมล็ดออกแล้วราดด้วยน้ำผึ้งแล้วรับประทานก็ได้

โทษของอะโวคาโด ผลดิบไม่สามารถรับประทานได้ เพราะมีสารแทนนินในปริมาณมากและมีรสขม หากรับประทานในปริมาณมากอาจจะทำให้ปวดศีรษะได้ ดังนั้นควรรับประทานแต่ผลสุก สำหรับบางรายอาจมีอาการแพ้อะโวคาโดได้ โดยอาจจะแพ้ในรูปของละอองเกสร หรือแพ้หลังจากการรับประทานอะโวคาโดก็ได้ โดยอาการที่ปรากฏก็ได้แก่ ปวดท้อง อาเจียน ผื่นคัน ลมพิษ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

วิธีทำน้ำอะโวคาโด
วิธีทำน้ำอะโวคาโดการทำน้ำอะโวคาโด อย่างแรกให้เราเตรียมวัตถุดิบดังนี้ ผลอะโวคาโดหั่นเป็นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย / มะเขือเทศล้างสะอาด 1 ผล / น้ำมะนาว 1 ช้อนชา / น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา / น้ำเปล่า / น้ำแข็ง / เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
นำผลอะโวคาโดที่หั่นเตรียมไว้ใส่ลงไปในเครื่องสกัดแยกกากออก ให้เหลือแต่น้ำอะโวคาโด
นำมะเขือเทศที่เตรียมไว้ใส่ลงในเครื่องสกัดแยกกากออก ให้เหลือแต่น้ำมะเขือเทศ
หลังจากนั้นให้นำน้ำอะโวคาโด น้ำมะเขือเทศที่ได้มา น้ำมะนาว น้ำผึ้ง เกลือป่น น้ำเปล่าเล็กน้อย คนจนละลายเข้ากัน นำใส่แก้วและน้ำแข็งดื่มแก้กระหายได้เลย

สำนักข่าว vihoknews