จังหวัดเตรียมออกประกาศควบคุม พร้อมจัดอำเภอ-ทหารออกเยี่ยม
วันที่ 4 ส.ค.60 เวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุมสโมสรกาวิละ มณฑลทหารบกที่ 33 นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.เกษมสุข ตาคำ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ประชุมหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการแก้ปัญหาราคาลำไยตกต่ำ โดยมีกลุ่มผู้ประกอบการค้าลำไยผลสด และผู้ประกอบการโรงอบลำไย หรือล้งอบลำไย เข้าร่วมการประชุมเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาราคาลำไยร่วมกัน
เสร็จสิ้นการประชุม นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ประเด็นปัญหาคือ ราคาลำไยรูดร่วงซึ่งเป็นผลผลิตที่เกษตรกรทั้งเชียงใหม่ ลำพูน สะดวกในการเก็บเกี่ยวเพื่อการจำหน่าย ที่ผ่านมามีระดับราคาที่ตกต่ำมากราคาขนาด AA ร่วงลงมาถึงราคารับซื้อที่กิโลกรัมละ 12 บาท วันนี้จึงได้เชิญผู้ประกอบการลำไยอบแห้งทั้งเชียงใหม่-ลำพูน รวมทั้งนายกสมาคมผู้ผลิตลำไยอบแห้งมาหารือพูดคุยเพื่อที่ร่วมกันช่วยเหลือเกษตรกรในกลุ่มนี้
“ขณะนี้ผลผลิตลำไยคาดว่าจะเหลืออีกราว 2.5 แสนตัน การเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ผ่านมาทำไปแล้วราว 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ หากว่าราคายังลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลให้พี่น้องประชาชนเกิดปัญหา และจากการประชุมทางนายกสมาคมผู้ประกอบการลำไยอบแห้งได้รับปากในเรื่องราคารับซื้อ โดยขนาด AA ราคาจะไม่ต่ำกว่า 14 บาทต่อกิโลกรัม นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ส่วนเกรดรองลงไปก็จะพิจารณาเพิ่มราคารับซื้อให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อไม่ให้เกษตรกรชาวสวนลำไยเดือดร้อนไปมากกว่านี้”
สิ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ต้องดำเนินการต่อจากนี้ไปคือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดจะต้องมีประกาศสินค้าควบคุมลำไย โดยจะออกในแต่ละวันว่าราคารับซื้อในวันนั้นแต่ละขนาดราคาเท่าไร เพื่อให้เกษตรกรได้รับทราบและขายผลผลิตลำไยเป็นไปตามราคาที่ประกาศควบคุม ในประเด็นนี้ในที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าจังหวัดเชียงใหม่โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่จะออกประกาศราคารับซื้อก่อนเวลา 09.30 น. ของทุกวัน และให้ผู้ประกอบการรับซื้อลำไยติดประกาศในสถานที่ที่รับซื้อทุกแห่งไม่เกินกว่าเวลา 10.30 น. เพื่อให้เกษตรกรชาวสวนลำไยได้รับทราบราคาที่จะขายได้ในวันนั้นๆ
“วันนี้ต้องขอขอบคุณผู้ประกอบการลำไยอบแห้งที่ให้ความร่วมมือในการจะช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลำไย ทั้งที่ออเดอร์ส่งออกลำไยอบแห้งยังมีปริมาณน้อยมาก แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการให้การช่วยเหลือครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลให้ราคาลำไยของเชียงใหม่ ลำพูน เดินไปข้างหน้าได้ และเรื่องที่จังหวัดต้องดำเนินการต่อไปคือการที่จะพัฒนาให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนลำไยสร้างทางเลือกในการขายผลผลิตให้ได้มากกว่าการขายเฉพาะที่เป็นแบบรูดร่วงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นการผลิตลำไยมัดช่อ หรือส่งเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมได้มากกว่านี้”
ส่วนมาตรการตรวจสอบหลังจากที่มีประกาศจังหวัดเกี่ยวกับการควบคุมราคาการซื้อลำไยออกมาแล้ว การติดตามตรวจสอบจะใช้กลไกของอำเภอร่วมกับกำลังทหารเข้าไปตรวจสอบ ณ จุดรับซื้อต่างๆ ในลักษณะไปเยี่ยมเยือน เพื่อดูว่าแต่ละแห่งได้มีการดำเนินการตามที่ได้พูดคุยหรือดำเนินการตามข้อตกลงไว้หรือไม่ ซึ่งข้อประกาศดังกล่าวเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการกับทางจังหวัดเชียงใหม่ในการที่จะให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลำไยในสภาวะที่ราคาลำไยมีปัญหาขณะนี้ ก็ขอให้ผู้ประกอบการทุกรายให้ความร่วมมือช่วยเหลือเพื่อให้ผ่านตรงนี้ไปร่วมกัน
“อีกประเด็นที่สำคัญคือ การระบายผลสดลำไยออกให้ได้มากที่สุด ขณะนี้ตลาดอินโดนีเซียเปิดแล้ว ตลาดในประเทศมีการหาเพิ่มอีกหลายๆ ช่องทาง ทั้งห้างสรรพสินค้า โมเดิ้ลเทรด ร้านค้าสหกรณ์ ร้านค้าประชารัฐสามัคคี ที่จะเข้ามาช่วยในการกระจายผลสดลำไยออกสู่ตลาดเพื่อจะลดปริมาณที่ลำไยจะเข้าสู่กระบวนการรูดร่วง โดยเฉพาะเกษตรกรแปลงใหญ่เข้ามาสู่กระบวนนี้ด้วย ก็จะทำให้ปริมาณลำไยรูดร่วงมีปริมาณลดลงกว่าก่อนหน้านี้ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาลำไยที่จะปรับขึ้นได้อีกด้วย”
สิ่งที่ยังเป็นห่วงคือ ขณะนี้ลำไยยังคงค้างที่ต้องเก็บผลผลิตอีกราว 50 เปอร์เซ็นต์ จะต้องทำอย่างไรให้ราคาลำไยมีความเสถียร มั่นคง หากราคาลำไยรูดร่วงปรับตัวสูงขึ้น นั่นหมายถึงราคาปลายทางก็จะปรับตัวสูงขึ้นตามด้วย การที่มีไว้ในสต๊อกในขณะที่ราคาลำไยปรับตัวสูงขึ้นก็จะเกิดความเสียหาย ส่วนการที่จะช่วยกระจายลำไยอบแห้งออกสู่ตลาดให้ได้มากที่สุดอย่างไรได้นั้น ตรงนี้กระทรวงพาณิชย์จะเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการเจรจากับทางรัฐบาลจีน ทางจังหวัดเชียงใหม่เองได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปทางมณฑลยูนานแล้ว ซึ่งยูนานเป็นแหล่งที่จะช่วยรับซื้อลำไยอบแห้งจากเชียงใหม่ เพราะมีผู้ประกอบการที่จะรับซื้ออยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อยู่แล้วก็จะเป็นผู้นำลำไยส่งไปยังยูนาน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและมีความต้องการที่จะรับซื้อจากเชียงใหม่ด้วย
เครดิต:ภาพ/ข่าว น.ส.พ.เชียงใหม่นิวส์
อ.สาริต พรหมนรา สำนักข่าววิหคนิวส์ รายงาน