ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ เผย เตรียมแจ้งข้อหา “อั้งยี่ซ่องโจร” กับแก๊งอุ้มรีดทรัพย์นักธุรกิจจีน พร้อมเร่งตรวจสอบนายทหาร ปมเอี่ยวปล่อยเงินกู้นอกระบบด้วย ส่วนการขยายผลพบว่า ยังมีผู้อื่นที่เกี่ยวข้องอีก
พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 เปิดเผยความคืบหน้าคดีแก๊งนายทหารยศ “พลตรี” ร่วมกับตำรวจ และ พลเรือน เข้าไปอุ้มรีดทรัพย์ นายสุรชัย แซ่ย่าง นักธุรกิจท่องเที่ยวและสายการบิน ถึงภายใน บริษัท คันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด ในซอยนวลจันทร์ 34 ว่า
ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เตรียมประสานข้อมูลกับพนักงานสอบสวน สน.โคกคราม เพิ่มเติม เพื่อพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา “อั้งยี่ซ่องโจร” กับกลุ่มผู้ต้องหาเพิ่มเติมแล้ว
ข่าวช่อง 8 เนื่องจากพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหา มีลักษณะรวมตัวกันก่อเหตุ มีการแบ่งงานกันทำ และ วางแผนชัดเจน นอกจากนี้ หลังแจ้งข้อกล่าวหาตำรวจเตรียมตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ในสัปดาห์หน้า
สำหรับกรณีที่มีรายงานว่า นายทหาร ยศ พลตรี 1 นาย สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย หนึ่งในผู้ต้องหามีพฤติกรรมปล่อยกู้นอกระบบย่านดอนเมือง นั้น พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูล แต่ได้จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่หาข้อมูลแล้ว โดยหากว่า มีพฤติกรรมดังกล่าวจริง จะดำเนินคดีเพิ่มเติม
ส่วนการติดตามตัวผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่หลบหนี ขณะนี้การข่าวพบว่า ได้หลบหนีไปกบดานในพื้นที่ต่างจังหวัด แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าหลบหนีไปอยู่ในพื้นที่ใด
ด้าน พันตำรวจเอก ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผู้กำกับการ สน.โคกคราม กล่าวว่า ล่าสุด ยังไม่มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์แจ้งความเพิ่มเติม โดยจนถึงขณะนี้ยังคงมีเพียง 2 รายเท่านั้น คือ นักธุรกิจชาวจีน ที่ถูกจับกุมในข้อหาปลอมบัตรประชาชนที่ สน.ลาดพร้าว เมื่อปี 2557 และ ถูกหลอกเสียเงินไปกว่า 4 ล้านบาท
ส่วนอีกรายเป็นผู้เสียหายชาวจีน ที่ต้องการมีบัตรประชาชนไทย แต่กลับถูกหลอกให้จ่ายเงินไป 7 แสน 5 หมื่นบาท เมื่อปี 2559 ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง
ขณะที่ข้อมูลการสืบสวนยังไม่พบผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม แต่ยืนยันว่า หากพบใครเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีทั้งหมด ส่วนการติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามตัว ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนขึ้นในสัปดาห์หน้า
ขณะที่ พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตำรวจ กล่าวว่า หลังจากที่ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ จำนวน 10 ราย ในข้อหา ร่วมกันบุกรุก และร่วมกันกรรโชกทรัพย์
เจ้าหน้าที่ ก็สามารถทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 8 ราย และ ยังอยู่ระหว่างหลบหนีอีก 2 ราย คือ นายอุทิศ ก่อแก้ว และ นายฐิติกร ชื่นอุรา
โดยผลจากการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง พบว่า ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้อยู่อีก แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล หากพบว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำนักข่าววิหคนิวส์