นายกฯ สั่งเฝ้าจับตาพายุในช่วงฤดูมรสุม ย้ำต้องไม่ประมาท แนะติดตามข้อมูลและเตรียมการให้ดี พร้อมกำชับเรื่องการเตือนภัยประชาชน และจัดทำแผนลดความเสี่ยงอย่างจริงจัง เป็นรูปธรรม
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานว่า ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.โดยรวมเริ่มคลี่คลายแล้วแต่ยังคงมีสถานการณ์อยู่อีก 8 จังหวัด คือ จ. สกลนคร กาฬสินธุ์ นครพนม ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี หนองคาย และพระนครศรีอยุธยา ซึ่ง กรมชลประทานและกองทัพเรือได้เร่งใช้เครื่องผลักดันน้ำและเรือผลักดันน้ำ ระบายน้ำออกนอกพื้นที่คาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หากไม่มีฝนตกหนักลงมาเพิ่มเติม
“นายกฯ ให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยเฉพาะในช่วงฤดูมรสุมที่จะต้องเฝ้าจับตาเรื่องพายุเป็นพิเศษ แม้ว่าหลายฝ่ายออกมาให้ข้อมูลว่าจะไม่เกิดอุทกภัยใหญ่ดังเช่นเมื่อปี 2554 แต่จะต้องไม่ประมาท เพราะอาจเกิดสถานการณ์ขึ้นได้ในพื้นที่ที่เคยเกิดเหตุซ้ำซากมาแล้ว โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดและเตรียมการรับมือกับปริมาณน้ำในช่วงเดือน ก.ย. – ต.ค. ที่จะถึงนี้”
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กำชับเรื่องการเตือนภัยแก่พี่น้องประชาชน และการจัดทำแผนลดความเสี่ยงหากเกิดอุทกภัยในจุดสำคัญ เช่น โรงพยาบาล สนามบิน พื้นที่เศรษฐกิจ ฯลฯ โดยจะต้องดำเนินการอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ หลังจาก ที่ คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภายใต้การกำกับของนายกรัฐมนตรีแล้ว ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.60) หลังประชุมคณะรัฐมนตรี จะมีการเรียกประชุมอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน และอื่น ๆ ไปหารือถึงแนวทางบูรณาการการทำงานร่วมกันต่อไป
สำหรับการบริหารจัดการน้ำในภาคกลาง เช่น ที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท นั้น ในปีนี้ถือเป็นปีแรก ที่กรมชลประทานสามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ จึงคาดว่าน่าจะรับมือกับสถานการณ์ฝนตกหนักได้เป็นอย่างดี
สำนักข่าววิหคนิวส์