ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » ​#อัยการชี้ !! ‘ปู’รู้คำเตือนสารพัดหน่วยดี แต่ไม่หยุดจำนำข้าว

​#อัยการชี้ !! ‘ปู’รู้คำเตือนสารพัดหน่วยดี แต่ไม่หยุดจำนำข้าว

20 August 2017
654   0

            ล้วงคำแถลงปิดคดีฝ่ายอัยการ ชี้ ‘ยิ่งลักษณ์’ รู้คำเตือน สตง.-ป.ป.ช.-สารพัดหน่วยงานว่า ถ้าทำต่อจะเกิดความเสียหาย-ทุจริต แต่ยังไม่ยอมหยุด เหมือนเป็นการนำชาติเข้าไปเดิมพันความเสี่ยง ทั้งที่เห็นความหายนะรออยู่

            จากกรณีเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2560 ที่ผ่านมา ฝ่ายพนักงานอัยการได้ยื่นคำแถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรแก่องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในคดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว โดยศาลฎีกาฯนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค. 2560 นั้น
           สำนักข่าวอิศราายงานว่า คำแถลงปิดคดีดังกล่าวของฝ่ายพนักงานอัยการ ได้ชี้ให้เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้รับฟังคำท้วงติงตักเตือนต่าง ๆ จากองค์กรอิสระ และหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานด้วย
             คำแถลงปิดคดีประเด็นนี้ สรุปได้ว่า ในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวมีการเตือน ท้วงติง เสนอแนะ ชี้ปัญหาความเสี่ยงต่าง ๆ ถึงความเสียหายและการทุจริตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทราบ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับรู้รับทราบถึงการเตือนดังกล่าวเป็นอย่างดีหรือไม่ เรื่องนี้ปรากฏข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนว่า ก่อนที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะดำเนินโครงการรับจำนำข้าวในวันที่ 7 ต.ค. 2554 อันเป็นปีการผลิตแรกนั้น หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2554 ถัดมาในวันที่ 24 ส.ค. 2554 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือด่วนที่สุดถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้ให้ประเด็นปัญหาความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในโครงการ เป็นการเตือนท้วงติงให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทราบถึงปัญหาจากบทเรียนการรับจำนำข้าวในอดีตที่ผ่านมา

             ต่อมาได้มีการเตือนท้วงติงเข้ามาเป็นระยะตามลำดับเวลาที่ปรากฏในข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังโดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็น รมว.คลัง ขณะนั้น ซึ่งเป็นคนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์แท้ ๆ ยังเห็นด้วยกับการเตือนท้วงติงของ ป.ป.ช. 

             ตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงนโยบายต่อรัฐสภา มีการเตือนท้วงติงเสนอแนะชี้ปัญหาความเสี่ยงให้ทราบถึงความเสียหายและความทุจริตที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นแล้ว และกำลังดำเนินต่อไปในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งมีข้อเสนอแนะช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยอย่างหนักหน่วงมากมายเกินบรรยายจนถึงวันที่ 30 ม.ค. 2557 และที่สืบเนื่องต่อ ๆ มา ประกอบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ยอมรับและไม่ได้โต้แย้งปฏิเสธว่า ไม่ทราบถึงการเตือนท้วงติงเสนอแนะชี้ปัญหาความเสี่ยงต่าง ๆ ดังกล่าว 

             กรณีจึงต้องฟังว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีได้ทราบดีแล้วถึงการเตือนท้วงติงต่าง ๆ เกี่ยวกับความเสียหายและการทุจริตอันที่เกิดขึ้นในโครงการ รวมทั้งได้ทราบดีถึงความเป็นไปของโครงการด้วยแล้วตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ และนั่นย่อมหมายความว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรี ได้ตัดสินใจเดินเข้าสู่ปัญหาความเสี่ยงทั้ง ๆ ที่คาดเห็นความเป็นไปได้ของผลนั้นอย่างแน่นอนว่า โครงการที่ทำต้องเจอกับปัญหาความเสียหายและการทุจริตต่าง ๆ อย่างไรบ้าง 
            นั่นหมายถึงความหายนะรออยู่เบื้องหน้านั่นเอง เสมือนเป็นการสมัครใจเข้าเสี่ยงภัยโดยมีประเทศชาติเป็นเดิมพันส่วนหนึ่ง หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังดำเนินนโยบายตามที่แถลงไว้ต่อไป โดยไม่มีการระมัดระวังป้องกันและการแก้ไขปัญหาอย่างละเอียดรอบคอบถึงขีดสุด 

             จากผลเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น ถือได้ว่าเป็นไปตามที่ สตง. ป.ป.ช. ธ.ก.ส. และกระทรวงการคลัง เตือนท้วงติงเสนอแนะและชี้ปัญหาความเสี่ยงแก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แล้ว ดังนั้นที่ต่อสู้ว่า การใช้เงินโครงการนี้ยังอยู่ในกรอบวินัยทางการคลัง แต่กลับตอบไม่ได้ว่าการใช้เงินในการรับจำนำข้าวในแต่ละฤดูกาลผลิต ใช้ไปเท่าใด รวมแล้วเท่าใด มีจำนวนสูงขึ้นมากเท่าใด น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีไม่เคยได้กำหนดเพดานในมุมนี้เลย ดังจะเห็นได้จากการตอบคำถามของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพยานจำเลยเกือบทุกปาก ที่ไม่มีใครกล้าตอบได้ชัดเจน แต่มักเฉไฉไปทำนองว่า คณะรัฐมนตรีได้รักษาวินัยการเงินการคลังแล้ว โดยกำหนดกรอบเงินกู้ตอนสิ้นปีว่าไม่เกิน 5 แสนล้านบาท
             ด้วยเหตุนี้การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อสู้ว่า ไม่เสียหาย ไม่เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดิน จึงหาฟังขึ้นไม่ เพราะมูลหนี้ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในโครงการ รวมทั้งภาระขาดทุนที่รัฐต้องรับมันสูงมากเกินที่จะบอกได้ว่าไม่เสียหาย และถ้าข้อเท็จจริงฟังเป็นที่ยุติขนาดนี้แล้วไม่ถือว่าเสียหาย ประเทศไทยคงไม่ต้องเอาอะไรกันอีกแล้ว เพราะจะกลายเป็นว่าใครก็ตามที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ ย่อมบริหารประเทศอย่างไรก็ได้ตามอำเภอใจ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใส่ใจพยายามที่จะสดับรับฟังและนำไปปรับปรุงแก้ไขโครงการ ความเสียหายดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้น และหากจะเกิดก็ย่อมน้อยลงไม่มากมายมหาศาลถึงเพียงนี้ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หาใส่ใจไม่ กลับเดินหน้าโครงกรต่อไป ทั้งที่ ๆ คาดเห็นความหายนะของชาติบ้านเมืองรออยู่ข้างหน้า

             ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งหมดเป็นเพียงคำแถลงปิดคดีของฝ่ายพนักงานอัยการ และศาลฎีกาฯยังไม่มีคำพิพากษาในคดีนี้ออกมา ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
สำนักข่าววิหคนิวส์