จากกรณี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ.บช.น.(191) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ.191 บก.ทท. บก.ปคบ. กองพิสูจน์หลักฐาน กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานคุมครองผู้บริโภค เข้าจับกุม น.ส.ทัศนีย์ เช้าเจริญประกิจ อายุ 38 ปี เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสอง ชื่อ Car Park ถนนกาญจนาภิเษก ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และข้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องรวม 7 ข้อหา พร้อมตรวจยึดรถต้องสงสัยเข้าข่ายกระทำความผิดรวม 83 คัน ไปตรวจสอบ จนทำให้มีผู้เสียหายทยอยเดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.หลักสอง จำนวนมาก ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
สยามรัฐ – ที่ สน.หลักสอง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ.(191) ได้เดินทางมาแถลงความคืบหน้าคดีนี้อีกครั้ง หลังแนวทางการสืบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้เพิ่มอีก 2 ราย คือ นายพาทิศ ฮะกีมี อายุ 23 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร และ นายปานเดชา หรือเอ็ม รชตะวาริกุล อายุ 31 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 516/2560 และ 517/2560 ลงวันที่ 23 ส.ค.60 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย นั้นมีพฤติการณ์ร่วมกันกับ น.ส.ทัศนีย์ เจ้าของเต็นท์ดำเนินการฉ้อโกงเงินจากผู้เสียหายไปหลายราย ใช้กรรมวิธีหลอกลวงหลายรูปแบบ เบื้องต้นทางชุดจับกุมจึงไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน และแนบเรื่องขอคัดค้านการประกันตัวต่อศาล เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และมีผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้นอกจากจะจับกุมตัวผู้ต้องหาได้เพิ่ม จำนวน 2 ราย แล้วยังมีผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมอีก 4 ราย รวมขณะนี้มีผู้เสียหายทั้งสิ้น 17 ราย เท่าที่ทราบยังมีอีกหลายรายทยอยเดินทางเข้ามาจากต่างจังหวัด เชื่อว่าท้ายที่สุดน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 50 ราย และเนื่องจากคดีกำลังเป็นที่สนใจของประชาชน ประกอบกับได้รับการร้องทุกข์จากผู้ได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ท่าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จึงมอบหมายให้ตน และ ผบก.น.9 ดูแลสำนวนการสอบสวนให้รอบคอบรัดกุม เพราะความผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชนนี้ เป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวพันกับกฎหมายฟอกเงินและอาจนำไปสู่กระบวนการยึดทรัพย์ของผู้กระทำความผิด
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า จากในวันแรกที่ตรวจพบรถซึ่งมีอยู่ในเต็นท์แห่งนี้ทั้งสิ้น 83 คัน พบการกระทำความผิดเบื้องต้น จำนวน 24 คัน หลังจากนี้จะส่งรถทุกคันให้กองพิสูจน์หลักฐาน ดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดูว่ารถทุกคันได้มาถูกต้องหรือไม่ มีคันใดสวมทะเบียน ตัดต่อตัวถังหรือถูกแจ้งหายไว้บ้างหรือเปล่า ที่สำคัญขณะนี้ชุดจับกุมได้ประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง.ให้ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมสังเกตการณ์และทำงานควบคู่กันไปด้วยแล้ว หากพบว่ามีการขยายผลไปถึงผู้กระทำความผิดรายใดอีก จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายไปด้วยอย่างแน่นอน
“จากข้อมูลการสืบสวนกระบวนการฉ้อโกงประชาชนของผู้ต้องหากลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มไฟแนนซ์ และกลุ่มเงินกู้นอกระบบ รวมถึงบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจรับจำนำรถผิดกฎหมาย ที่อาศัยช่องทางโซเชียลมีเดียทำการโพสต์ซื้อขายและรับจำนำรถ แต่เมื่อผู้เสียหายเดินทางไปดูรถกลับถูกหลอกให้วางเงินมัดจำ บางกรณีผู้เสียหายนำรถไปจำนำแล้วกลับถูกนำรถไปชำแหล่ะแยกชิ้นส่วนขายทอดตลาดไม่สามารถนำรถตัวเองกลับคืนมาได้ เรื่องนี้ทางรัฐบาลกำลังให้ความสนใจเนื่องจากมีผู้เสียหายร้องทุกข์เข้ามาจำนวนมาก หลังจากนี้ตำรวจจึงจำเป็นต้องตรวจสอบความถูกต้องของเต็นท์รถยนต์มือสองทั่วประเทศอย่างเข้มงวด และหากมีผู้ใดได้รับความเดือดร้อนจากกระบวนการเหล่านี้ขอให้รีบแจ้งสายด่วน 191” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว
สำนักข่าววิหคนิวส์