จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความผ่านเพจชื่อดัง “แหม่มโพธิ์ดำ” เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่พ่อบ้านมูลนิธิเด็กแห่งหนึ่งในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กระทำอนาจารเด็กหญิงในความดูแลหลายคนอย่างต่อเนื่อง จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด ผู้ปกครองของเด็กหญิงที่ถูกกระทำอนาจาร เข้าแจ้งความที่ สภ.หัวหิน โดยมีสหวิชาชีพ และ เจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมสอบปากคำด้วย สอบถามผู้ประสานเรื่องกับเจ้าของโพสต์ เล่าว่า ได้ไปเยี่ยมเด็กๆ ที่มูลนิธิเด็กแห่งนี้ ทำให้ได้พูดคุยกับเด็กหญิง เอ(นามสมมติ) โดยเด็กหญิงเอ เล่าว่า ผู้ดูแล หรือ พ่อบ้านของมูลนิธิเด็กแห่งนี้ มีพฤติกรรมผิดปกติ โดยในช่วงกลางคืนจะย่องเข้ามาในห้องนอนของเด็กผู้หญิง และ ทำอนาจารเด็กเป็นประจำ ทำให้สร้างความหวาดกลัวกับเด็กๆ เป็นอย่างมากจนไม่สามารถนอนหลับได้
โดยรายล่าสุด เกิดขึ้นกับเด็กหญิงบี ซึ่งไม่ใช่เด็กในความดูแลของมูลนิธิ แต่เด็กหญิงบีมักจะมาเล่นกับเด็กในมูลนิธิเป็นประจำ ทั้งนี้ หลังจากทราบเรื่องพยายามสืบหาข้อมูลถึงพฤติกรรมของพ่อบ้านคนดังกล่าว จนทราบว่ากระทำพฤติกรรมลักษณะดังกล่าวกับเด็กหลายคน จึงประสานไปยังเจ้าของเฟซบุ๊คคนดังกล่าว เพื่อหาทางออกให้กับเด็กๆ และ มีการติดต่อแม่ของเด็กหญิงเอ ซึ่งเมื่อแม่ของเด็กหญิงเอทราบ ก็เดินทางมารับตัวลูกสาวออกจากมูลนิธิเด็กแห่งนี้ทันที และ ตัดสินใจเข้าแจ้งความไปตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และ เมื่อพ่อแม่ของเด็กหญิงบีทราบเรื่องก็ตัดสินใจเดินทางมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหินอีกราย
เบื้องต้น ผู้บริหารสำนักงานใหญ่ของมูลนิธิเด็กชื่อดังแห่งนี้ ได้สั่งพักงานทั้งพ่อบ้าน และ ภรรยา เป็นการชั่วคราวแล้ว เนื่องจากมีพฤติกรรมอันตรายต่อเด็ก แต่ยังพบว่าพ่อบ้านคนดังกล่าวยังวนเวียนอยู่ในมูลนิธิ ล่าสุดตำรวจ สภ.หัวหิน ขออนุมัติศาลจังหวัดหัวหิน ออกหมายจับ พ่อบ้านมูลนิธิเด็กชื่อดังแห่งนี้แล้ว พร้อมตั้งข้อหา ลวนลามกระทำอนาจารต่อเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี
ก่อนหน้านั้น เฟซบุ๊กแฟนเพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” ได้โพสต์ข้อความว่า #มูลนิธิเด็กฉาว #เมื่อที่พึ่งสุดท้ายกลายเป็นนรก
สวัสดีครับพี่ควีน เมื่อวานผมไปเยี่ยมน้องๆ บ้าน…หัวหิน และพาน้องๆ ไปกินขนมข้างนอก ซึ่งผมทำเป็นประจำเดือนหนึ่งอย่างน้อยก็ 1-3 ครั้ง เข้าเรื่องนะครับ เมื่อวานผมก็ไปเยี่ยมน้องๆ พาไปเดินบลูพอร์ต กินบิงซู (เงินผมเองทั้งหมด ผมไม่ได้รับเงินบริจาคจากใครครับ) แล้วน้องเอ(นามสมมติ) ก็ได้เล่าว่า ผู้ที่เป็นผู้ดูแลบ้านแห่งนี้ เมื่อ 2-3 ปีก่อน ได้เริ่มมีพฤติกรรมไม่ดีครับ กลางคืนจะแอบย่องเข้ามาในห้อง เพราะน้องบอกว่าน้องยังไม่หลับ ใช้ผ้าห่มคลุมโปงอยู่จะเห็นทุกอย่าง แอบเข้ามาจ้องดูอยู่นานครับ ในห้องมีเด็กประมาณ 6 คน ทั้งบ้านมีประมาณ 12-14 คน (แล้วแต่ว่าช่วงไหนมีเด็กออกหรือเข้าใหม่) ทำอย่างนี้หลายครั้ง และไม่ใช่การเดินมาตรวจตรา เพราะดึกมากๆ และแอบย่องค่อยๆ เปิดประตู ไม่ให้มีเสียง และควรจะเป็นแม่มากกว่าที่จะตรวจตรา เพราะนี่คือบ้านของเด็กผู้หญิง
จนมาพีคสุดคือเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน น้องมีการแข่งวาดรูป ในช่วงที่เด็กคนอื่นๆ มีกิจกรรมที่กรุงเทพ (น้องเอวาดรูปเก่ง กวาดรางวัลมามาก เคยได้ที่ 3 ระดับประเทศ) พ่อบ้านอาสาที่จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนน้องเอ ซึ่งจริงๆ แล้วจำเป็น เพราะมีป้าเอสเธอร์ซึ่งเป็นชาวสวิส คอยดูแลอยู่อีกคน แถมยังบอกให้แม่หนิงสั่งให้เดือนมานอนที่ห้องคอม ห้องคอมคือห้องของครอบครัวพ่อป้อมแม่ประจำบ้านและลูกอีกสองคน โดยมีผ้าม่านกั้น น้องเอพยายามคัดค้านแล้ว เพราะน้องก็ระวังตัว แต่สุดท้ายก็ต้องมานอน
พอตกกลางคืนดึกๆ เขาย่องมาเปิดผ้าม่านแอบดู ซึ่งน้องเอยังไม่หลับ เพราะไม่กล้านอน ใช้ผ้าห่มคลุมโปง ซึ่งผ้าห่มมันไม่หนามาก คนที่นอนอยู่สามารถมองผ่านมาได้ชัด แต่คนนอกผ้าห่มจะมองไม่เห็นใต้ผ้าห่ม(ควีนนึกออกใช่ป่ะ) แอบเปิดม่านมาดูหลายครั้ง จนกระทั่ง เดินมาค่อยๆ ถกผ้าห่มขึ้น และใช้มือประกบที่ก้น น้องเอพยายามกั้นร้องไห้ แล้วก็แกล้งบิดขี้เกียจ แต่คิดว่าเขาคงรู้แหละว่าน้องเอร้องไห้และแกล้งบิดขี้เกียจ เลยรีบวิ่งไปหลังม่านที่เป็นพื้นที่ของเค้า แต่ก็ยังแอบเปิดม่านมาดูอีกหลายครั้ง คืนนั้นน้องเอไม่กล้านอน สลับกับกั้นร้องไห้ทั้งคืน
ไม่ใช่แค่น้องเอคนเดียวที่โดน เด็กที่โตหน่อยก็โดน มีน้องบีที่หน้าตาดี และโตหน่อยแล้วประมาณ 17-18 ปี เวลานั่งจะโดนพ่อมานั่งเบียด ถ้าถ่ายรูป จะโดนโอบเลย และโดนแกล้งเดินผ่านแล้วเอามือมาโดนก้นด้วย อันนี้ผมทักแชทไปหาน้องและได้คุยกันทางโทรศัพท์ น้องบีออกไปอยู่หอ เรียนมหาลัยได้ 2 ปีแล้ว แต่ก็กลับมาที่หัวหินบ่อยๆ เพราะมานมัสการพระเจ้าร่วมกัน น้องอยู่ศิลปากรเพชรบุรี ไม่ไกลกันมาก
เรื่องน้องเอเด็กทุกคนในบ้านรู้กันหมด ทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง เลยได้แต่ช่วยกันปิดโอกาส เช่นไม่ปล่อยให้ใครอยู่คนเดียว ประตูห้องล็อคทุกครั้งที่เข้าออก (ห้องแรกเนี่ยจะเป็นห้องครอบครัวพ่อแม่ของบ้านและห้องคอม ห้องที่ 2 และ 3 เป็นห้องของเด็ก อยู่ติดกัน และหน้าห้องทั้งสามจะเป็นพื้นที่ร่วมกัน มีเหล็กดัดและประตูครอบคลุมพื้นที่นี้อีกที เมื่อก่อนจะล็อคแค่เหล็กดัดข้างนอก แต่ปะตูห้องไม่ได้ล็อค)
หลังเกิดเหตุน้องๆ ล็อคทุกคืนเลย และพยายามหลีกเลี่ยงอยู่ห่างๆ พ่อป้อม อยู่กันอย่างระวังตัว แต่ก็ยังโดนนะ อย่างน้องบีที่แกล้งเดินผ่านแล้วมือมาถูกก้น เวลานั่งก็มานั่งเบียด
ควีนเชื่อป่ะ ตอนน้องเอเล่าให้ฟังนะ ร้องไห้แบบระเบิดอ่ะ ร้องแบบคนอัดอั้นสุดๆ อ่ะ ผมโคตรสงสารน้อง ที่ผมไปเลี้ยงน้องบ่อยๆ เพราะเด็กหลายคนที่นี่เจอเรื่องที่โคตรหนักมา ผมอยากเห็นน้องหัวเราะ อยากเห็นน้องยิ้ม
ซึ่งเด็กโตผมจะไม่พาไป จะไปเฉพาะเด็กเล็กถึงกลาง ไม่มีสัมผัสตัวเด็ดขาด เป็นเวลา 3 ปีแล้วควีน ไม่ใช่มาทำสร้างภาพ ผมไปผมใช้เงินตัวเองทุกครั้งและไม่เคยโพสต์ลงเพจว่าไปทำความดีมา เลี้ยงขนม พาไปดูหนัง พาไปสวนสนุกซานโตรินี่ ไม่เคยโพสต์ลงเพจสักครั้ง ผมทำเพราะอยากเห็นรอยยิ้มของน้องๆ จริงๆ แต่มาเมื่อวานโคตรทุกข์ใจเลย ขับรถกลับบ้านน้ำตาไหลเลย น้องๆ เหมือนหนีเสือปะจระเข้อ่ะ
#ควีนช่วยน้องด้วยนะครับ
(ตอนนี้ควีนส่งพี่เต้ลงพื้นที่แล้วนะคะ ลุยกันมาหลายวันละค่ะ และพบว่าเรื่องนี้มีมูล ทางมูลนิธิใหญ่รู้เรื่องแล้วเช่นกันส่วนเด็กและแม่เข้าแจ้งความ ถ้าสื่ออยากลุยต่อ เดี๋ยวควีนส่งคอนแทคให้)
ขณะที่ทางด้าน เฟซบุ๊กของ “เตชะ ทับทอง หนึ่งร้อยตัวแทนทำดีเพื่อพ่อ” ก็ได้มีการโพสต์คลิปวิดีโอพร้อมระบุว่า…บทสนทนาก่อนจะถึงพื้นที่ ระหว่างทางไปหัวหินเมื่อคืน ก่อนจะเกิดความวุ่นวาย…นาทีที่แม่ตัดสินใจนำเด็กออกมาจากศูนย์เพื่อหนีให้พ้นจาก “เงามืดที่ลวนลามคุกคามเด็ก” ในมูลนิธิxxxครับ
ขอบคุณที่มา : แหม่มโพธิ์ดำ, เตชะ ทับทอง หนึ่งร้อยตัวแทนทำดีเพื่อพ่อ
AdminPhai สำนักข่าว vihok news