นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด(ผวจ.) เชียงใหม่ , นางปรียภรณ์ สีหะกุลัง ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 , นายมนัส ขันใส ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ , พ.อ.สมจริง กอรี เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ และ พ.ต.อ.ทรงกริช ออนตระไคร้ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(รอง ผบก.ภ.จว.) เชียงใหม่ ร่วมกันแถลงภาพรวมผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จ.เชียงใหม่ ประจำปี 2560
แนวหน้า – ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า จ.เชียงใหม่ มีพื้นที่ชายแดนติดต่อกับประเทศเมียนมา ระยะทาง 227 กม. มีอำเภอติดต่อชายแดน 5 อำเภอ คือ อำเภอเวียงแหง , เชียงดาว , ไชยปราการ , แม่อาย และฝาง ซึ่งยาเสพติดที่นำเข้ามากที่สุดคือ ยาบ้า เฮโรอีน และฝิ่น ส่วนไอซ์ เริ่มมีการใช้ในพื้นที่ เนื่องจากราคาถูกลงและแบ่งขายในราคาใกล้เคียงกับยาบ้า
“ราคายาเสพติด แยกเป็น เฮโรอีน ขายแนวชายแดน 250,000 – 300,000 บาทต่อ700 กรัม , ยาบ้า ภายนอกประเทศ กลุ่มอาข่า กลุ่มผาขาว กลุ่มไทใหญ่ ราคา 5 บาทต่อเม็ด ถ้ากลุ่มว้า ราคา 17-23 บาทต่อเม็ด เข้าตอนในจังหวัด ราคา 100-250 บาทต่อเม็ด ผู้ค้าและผู้ลำเลียงยาเสพติดจะใช้วิธีฟอกเงิน โดยประกอบธุรกิจก่อสร้างและซื้อทรัพย์สินประเภทที่ีดิน บ้านพัก หอพัก ทอง และรถยนต์” ผวจ.เชียงใหม่ กล่าว
ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า จากผลการดำเนินงาน พบว่า สถานการณ์ปัญหายังคงต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง แม้แนวโน้มดีขึ้นจากการระดมกวาดล้างในทุกช่องทางของทุกหน่วย ตัวเลขผู้ค้ารายย่อยลดลง แต่รายสำคัญยังเคลื่อนไหวขนส่งครั้งละจำนวนมาก ตามช่องทางชายแดนในพื้นที่ 5 อำเภอชายแดน เช่น อำเภอแม่อาย , ฝาง , ไชยปราการ , เชียงดาว และเวียงแหง โดยเฉพาะพื้นที่สำคัญ คือ บ้านห้วยส้าน บ้านโป่งช้างและบ้านท่ามะแกง ต.ท่าตอน อ.แม่อาย , บ้านห้วยจะค่าน อ.เชียงดาว ยังเป็นช่องทางลำเลียงหลักและมียารอทะลักเข้ามาในพื้นที่ตอนในของประเทศ มีปริมาณมากเช่นเดิม
“หน่วยงานการข่าว พบว่า ในระยะหลังๆนักค้ามีพฤติกรรมและวิธีการแบบใหม่ เริ่มมีการติดต่อค้าส่งยาเสพติด ผ่านช่องทางโซเชี่ยล และทางไปรษณีย์กันมากขึ้น เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่ ส่วนมาตรการป้องกันปราบปรามนักค้ายาเหล่านี้ ทาง เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีแผนและแนวทางในการดำเนินการเป็นขั้นตอนแล้ว” ผวจ.เชียงใหม่ กล่าว
ด้านนางปรียภรณ์ กล่าวว่า สำนักงาน ปปส.ภาค 5 ดูแลพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน โดยผลการดำเนินงานร่วมกับฝ่ายตำรวจ ทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองสามารถจับกุมยาเสพติดรวม 20,423 คดี ผู้ต้องหา 20,839 ราย ยึดยาบ้าได้ 53,227,955.60 เม็ด ไอซ์ 234.81 กิโลกรัม เฮโรอีน 202.35 กิโลกรัม และกัญชา 38.36 กิโลกรัม ยึดทรัพย์ได้กว่า 128.49 ล้านบาท ดำเนินการขายทอดตลาดรมทั้งสิ้น 9 ครั้ง คิดเป็นเงินจำนวน 27,946,850 บาท
สำนักข่าววิหคนิวส์