ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #กษิต จวกคสช. คนไทยไม่โง่!! ไม่ปฏิรูป ไม่ปฏิบัติ ได้แต่พูด”ปฎิรูป”

#กษิต จวกคสช. คนไทยไม่โง่!! ไม่ปฏิรูป ไม่ปฏิบัติ ได้แต่พูด”ปฎิรูป”

6 September 2017
560   0

          ในระยะหลังๆ ผู้ที่อยู่ในแวดวงการเมือง, วิชาการและสื่อ ต่างวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการปฏิรูปประเทศของรัฐบาล คสช. ในเชิงลบ ในทำนองการออกอาการสำลัก คลื่นเหียนเวียนศีรษะ เพราะต่างเห็นว่ามีการใช้คำว่า “ปฏิรูป” กันไปแบบพร่ำเพรื่อ พูดขานกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง 

          แล้วก็มีการจัดตั้งองค์กร และคณะกรรมการกันมากมาย แต่ก็ไม่ค่อยจะได้เห็นผลอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ซึ่งหมายความว่า ได้ใช้ทรัพยากรรัฐ และภาษีราษฎรไปโดยไม่มีผลการปฏิรูปที่จับต้องได้ นอกจากนั้น ประชาชนยังไม่เห็นการตัดสินใจเรื่องเด็ดๆ สำคัญๆ ที่จะนำไปสู่วิธีปฏิบัติที่จะอำนวยให้การปฏิรูปเกิดขึ้นอย่างจริงจังเสียที

          ย้อนไปตั้งแต่คณะนายทหารในนามของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจปกครองบ้านเมืองมาจนถึงปัจจุบัน ก็เป็นเวลาร่วม 3 ปีครึ่งแล้ว ซึ่งชาวไทยก็ได้เห็นการจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แล้วต่อด้วยสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คู่ขนานไปกับคณะทำงานระดับรองนายกรัฐมนตรีอีก 6 คณะ เพื่อเร่งรัดการบริหารราชการแผ่นดิน แล้วก็ยังมีคณะทำงานยุทธศาสตร์ชาติ
          ในขณะเดียวกัน รัฐบาล คสช.ยังร่วมกับคณะกรรมการร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในการบรรจุเรื่องการปฏิรูปไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 จนนำไปสู่การจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปแขนงต่างๆ 11 คณะ และนำไปสู่การจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ (ระยะเวลา 20 ปี) ซึ่งจะมี 6 กลุ่มสาขา นอกเหนือจากการจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษว่าด้วยการปฏิรูปการศึกษา ที่สำคัญคือจัดตั้งคณะกรรมาธิการว่าด้วยการปฏิรูปทั้ง 11 คณะ ที่จะมีอายุความถึง 5 ปี ก็หมายความว่า จะมีการถกกันเรื่องปฏิรูปกันต่อไปอีก หลังจากที่ถกกันมาแล้ว 3 ปี

           สังคมก็เลยมีคำถามว่า แล้วประเทศไทยภายใต้การนำของรัฐบาล คสช. จะพูดจะถกกันในเรื่องปฏิรูปกันอย่างเดียวหรือ เมื่อไหร่จะลงมือปฏิบัติให้เป็นเรื่องเป็นราว เป็นชิ้นเป็นอันกันเสียที เสมือนว่าการพูดการถกกันมานั้นคือ ผลงาน คือได้ถกกันแล้วก็จบ เป็นผลสำเร็จของการปฏิรูปแล้ว แต่ก็หวังว่าการคงจะมิเป็นไปเช่นนั้น เพราะรัฐบาล คสช. สามารถตัดสินใจให้มีการปฏิบัติได้ด้วยข้อมูล ข้อเสนอแนะต่างๆ ที่มีอยู่ในมือแล้ว โดยไม่ต้องรอผลไปอีก 5 ปีข้างหน้า

          ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า 3 กว่าปีมานี้ รัฐบาล คสช.สั่งการ มอบหมายให้ลิ่วล้อต่างๆ ไปคิดเรื่องปฏิรูป แต่ไม่ได้มีการให้แนวทาง ให้หลัก ให้เป้าหมาย ให้กรอบเวลาที่แน่ชัด คือ ปล่อยให้ลิ่วล้อว่ากันไปเอง คิดเอง แล้วถึงนำมาเสนอให้ทราบ ให้พิจารณา เท่ากับว่าการคิด การถกเรื่องการปฏิรูปนั้นขาดทิศทาง คือ No Direction และสะท้อนด้วยว่าไม่มีวิสัยทัศน์ (Vision) เพราะการจะทำการหนึ่งใด ผู้เป็นผู้นำควรจะให้ทิศทาง เป้าหมาย แนวทางหลักๆ แก่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา มิใช่ปล่อยให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาคิดเอง เออเอง แล้วเสนอขึ้นมา โดยน่าจะได้มีการพบปะพูดจาระหว่างผู้นำกับลูกน้อง ว่าด้วยหลักการ กรอบ จุดหมายปลายทางของการปฏิรูปกันเสียก่อน มิใช่เป็นการคลำทางกันไปตามมีตามเกิด
          อีกทั้งการจะคิดการปฏิรูปประเทศ ก็มิใช่จะต้องไปริเริ่มศึกษากันใหม่ทั้งหมด หากแต่ควรจะได้พินิจพิจารณาก่อนว่า มีเอกสารวิจัยค้นคว้าข้อคิดใดอยู่บ้างแล้ว ซึ่งประเทศไทยก็มีอยู่มากมายจากแวดวงวิชาการต่างๆ ทั้งในรั้วมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัย เช่น สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนา (Thailand Development Research Institute – TDRI) เป็นต้น นอกจากนั้นก็มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะเวลา 5 ปี ฉบับที่ 1 ถึง 12 และผลงานของอดีตสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และการวิเคราะห์วิจัยและข้อเสนอแนะขององค์การระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก ธนาคารเพื่อพัฒนาแห่งเอเชีย และหน่วยงานต่างๆ ของสหประชาชาติอีกด้วย

           และที่สำคัญสภาปฏิรูปประเทศ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ก็มีผลการศึกษาพร้อมด้วยข้อเสนอแนะว่าด้วยการปฏิรูปต่างๆ ที่จะอำนวยให้มีการตัดสินใจ เพื่อนำสู่การปฏิบัติได้ ที่ ณ วันนี้ ก็อยู่ในมือของรัฐบาล คสช.
           แต่บัดนี้ ไทยเรามีทั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และมีคณะกรรมการปฏิรูป 14 คณะ หรือ 14 แขนง และมีเอกสารผลงานต่างๆ ดังกล่าวมากมาย ก็เป็นการสมควรที่รัฐบาล คสช. และ 2 องค์กรใหญ่ดังกล่าว จะได้ร่วมกันประมวล สรุป จัดลำดับความสำคัญเรื่องที่จะปฏิรูป และวิธีการปฏิบัติโดยเร็ว ไม่ใช่พูดถกกันเรื่องปฏิรูปไปอีก 5 ปี
           เท่ากับว่ารัฐบาล คสช. ไม่ปฏิรูป ไม่ปฏิบัติ แต่จะพูด จะขานชื่อปฏิรูปอย่างเดียว ก็จะเป็นเสมือนมายากล หรือไม่ก็เป็นการหลอกหลอนตัวเอง และประชาชน แต่ประชาชนพลเมืองไทยไม่โง่ ไม่งี่เง่า และให้โอกาส ให้ความปรารถนาดี แต่ผู้อาสาเข้ามาแก้ไขบ้านเมือง ดูจะเพลิดเพลินกับอำนาจวาสนา และเคลิ้มไปกับคำพูดสวยหรูของตนเองเสียแล้ว

กษิต ภิรมย์

ที่มา แนวหน้า
สำนักข่าววิหคนิวส์