นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีผลสำรวจโพลระบุความนิยมพรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำว่า
ส่วนตัวเห็นว่าคนทำโพล มีเจตนาแฝงหรือไม่ เพราะน่าสงสัยที่ตั้งคำถามคนละยุคสมัย หากจงใจจะด่าอะไร คสช.ก็แนะนำไปตรงๆ ไม่ใช่เอาพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นเหยื่อ ซึ่งคิดว่าไม่เป็นธรรม ที่เอาอดีตนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเทียบในเหตุการณ์ปัจจุบันเพราะสถานการณ์ต่างกัน บริบทต่างกัน สมัยนายกฯทักษิณ มาใหม่ๆอยู่นานมีส.ส.มาสนับสนุนมากแถมยังรวมพรรคเล็กพรรคน้อยมาควบรวมอีก สภาวะบ้านเมืองสงบ จะบริหารงานเด็ดขาดอย่างไรก็ได้
ส่วนสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ บ้านเมืองแตกแยกแบ่งฝ่าย เกิดเหตุการณ์ไม่สงบ ถึง 2 ครั้งในปี 2552 กับ 2553 ต้องแก้ปัญหากับกลุ่มนปช. นอกสภาฯและพรรคคู่แข่งในสภาฯ จะบริหารงานก็ลำบาก เพราะมีการก่อกวนตลอด ขณะที่ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ใหม่ๆมีคะแนนเสียงเต็มที่ จะทำอะไรก็ได้ ปีแรกก็สงบไม่มีปัญหา รัฐบาลมีความเข้มแข็งแต่พลาดเพราะการกระทำฝืนมติประชาชนกรณีกฎหมายนิรโทษกรรม ขณะที่ยุครัฐบาลคสช.ที่มีพล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนานกฯ บ้านเมืองสงบ เพราะมีกฏหมาย มาตรา44 มห้อำนาจควบคุมเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
“ว่าไปแล้วสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ขนาดมีจัดตั้งการไล่ล่านายกฯในการลงพื้นที่ เรามีผลงานมากมาย เศรษฐกิจก็พลิกฟื้น จึงสงสัยคนทำโพลว่า มีเจตนาแอบแฝงใดหรือไม่ ที่ตั้งคำถามในโพลที่ทำประมาณเดือนเม.ย -พ.ค. คือ 4 เดือนที่แล้ว เมื่อตั้งคำถามเรื่อง ความเชื่อมั่นของหน่วยงานองค์กร ซึ่งเงื่อนไขคือ พรรคการเมืองถูกขึงพืดและกระทืบอยู่ นักการเมืองถูกด่าทุกวัน และห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองไม่สามารถสร้างบทบาทในทางบวกต่อสังคม
และกรณีความเชื่อมั่นต่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในช่วงเวลาบริหารประเทศช่วงเวลานั้นก็แน่นอนที่สุดว่า เขาพีคสุดอยู่แล้วในเวลาช่วงนั้น ดิฉันตั้งข้อสังเกตต่อนายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ตัวท่านเองก็น่าสงสัยเรื่องแนวคิดคดีจำนำข้าว แปร่งๆอยู่เหมือนกัน ส่วนสื่อมวลชนก็โอเว่อร์มากไป คำตอบแพ้ 2-3% แต่นำไปพาดหัวข่าว ถามว่ามีอคติหรือไม่ แต่แน่นอนที่สุด ยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องทำงานหนักต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ตามยุทธศาสตร์พรรคและบริบทของสังคมต่อไป”
สำนักข่าววิหคนิวส์