ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #รมว.ต่างประเทศจีนขอให้เรียนรู้จากกรณีพิพาทจีน-อินเดีย

#รมว.ต่างประเทศจีนขอให้เรียนรู้จากกรณีพิพาทจีน-อินเดีย

8 September 2017
765   0

           เมื่อถามถึงความเห็นต่อความสัมพันธ์จีน-อินเดีย หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน เผยว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะเรียนรู้จากเหตุการณ์ครั้งล่าสุดเพื่อปกป้องสันติภาพบริเวณชายแดน

           China Xinhua News · หวังอี้หมายถึงกรณีความขัดแย้งเหนือพื้นที่กรณีพิพาทต้งหล่างหรือดอกลัม (Doklam) ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนจนมายุติลงเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากอินเดียถอนกำลังทหารและอุปกรณ์ทั้งหมดออกจากพื้นที่
          “ทั้งสองฝ่ายควรแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ 5 ประการ” หวังอี้กล่าว

           หลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ 5 ประการ (Five Principles of Peaceful Coexistence) ได้แก่ การเคารพอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนซึ่งกันและกัน, ไม่รุกรานซึ่งกันและกัน, ไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศซึ่งกันและกัน, รักษาความเท่าเทียมและผลประโยชน์ร่วมกัน, อยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งจีนและอินเดียได้ลงนามยอมรับหลักการข้างต้นนี้มาตั้งแต่ทศวรรษ 1950

           หวังอี้กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายควรปฏิบัติตามการตกลงร่วมกันของผู้นำทั้งสองประเทศ เช่นนั้นแล้วจึงจะสร้างความเชื่อมั่นต่อการพัฒนาความสัมพันธ์อย่างแข็งแรงและมั่นคงระหว่างจีนและอินเดีย
           หวังอี้เสริมว่า ทั้งสองฝ่ายควรเสริมสร้างความไว้ว่างใจต่อกันและปฏิบัติต่ออีกฝ่ายในฐานะหุ้นส่วนและโอกาสการพัฒนา มิใช่ในฐานะศัตรูและการคุกคาม

           “การอยู่ร่วมกันอย่างสันติและความร่วมมือที่ได้ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย คือทางเลือกอันไม่อาจหลีกเลี่ยงและเป็นวิถีทางที่ถูกต้องของความสัมพันธ์จีน-อินเดีย” หวังอี้กล่าว

          ทั้งนี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 ก.ย.) พลเอก บิปิน ราวัต (Bipin Rawat) ประธานเสนาธิการกองทัพอินเดีย ประกาศว่า ประเทศของเขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงคราม และกล่าวหาว่าจีน “กำลังทดสอบขีดจำกัดของเรา”
          กรณีดังกล่าว เกิ๋งส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ให้คำตอบว่า “ผมไม่แน่ใจว่าคำพูดของเขาได้รับการรับรองหรือไม่ และไม่แน่ใจว่าเป็นการกล่าวแทนจุดยืนของรัฐบาลอินเดีย หรือเป็นแค่คำพูดที่ไม่ได้เตรียมการมาก่อน” พร้อมเน้นย้ำว่าแม้แต่สื่ออินเดียเองก็ยังตกใจกับคำพูดของเขา

สำนักข่าววิหคนิวส์