ใครเป็นตัวนำ“ยิ่งลักษณ์”หักด่านเสือ???
ที่ออกมา“พูดอ้อแอ้”แท้คลุมเครือ
ทุกคนเชื่อว่าท่าน?? นั้นเปิดทาง!!
ยังหลุดรอดไปได้ อายผีสาง
“ความมั่นคง”ถูกถล่ม ล้มทั้งบาง
ควรจะวางมือ….แล้วไปให้ไกลเอย
“สวนคม”
กลอนของ “สวนคม” บทนี้เป็นกลอนที่บอกอะไรหลายอย่างในเชิงสงสัย ว่า “ใครกันโว้ย” ที่พูดจาอ้อแอ้ฟังไม่ค่อยเป็นภาษา ที่เปิดทางให้ “ยิ่งลักษณ์” หนีออกไปนอกประเทศก่อนศาลอ่านคำพิพากษาคดีรับจำนำข้าว ซึ่งกำลังเป็นข่าวดังระเบิดเถิดเทิงอยู่ในขณะนี้
โดยเฉพาะคำว่า “ความมั่นคง” ที่ต้องถูกถล่มยับ
เหมือนบอกใบ้ให้ไปคิดว่าเป็นใคร
“ควรวางมือ แล้วไป ให้ไกลเอย” ในบทกลอนท่อนสุดท้ายของ “สวนคม” ข้างต้นนี้ เป็นข้อสรุปที่ชัดเจนซึ่งบ่งบอกถึงความรู้สึกในเรื่องความเชื่อถือ ความศรัทธาในการทำงานของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ว่า ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ
พูดง่ายๆ ก็คือ ความเชื่อถือศรัทธาติดลบมากขึ้นทุกวันในการทำงานของผู้รับผิดชอบในการดูแลบ้านเมืองขณะนี้ ไปไหนมาไหนขณะนี้มีแต่คนส่ายหน้า ไม่พออกพอใจในเรื่องต่างๆเกี่ยวกับการจัดการแก้ไขปัญหาสำคัญๆให้กับชาวบ้าน ที่ยังไม่ดีขึ้นซ้ำยังเป็นปัญหาสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะผู้คนในระดับล่างที่เป็นฐานสำคัญแห่งความแข็งแรงของบ้านเมือง ซึ่งกำลังเป็นฐานที่ง่อนแง่นอย่างยิ่ง
ข้างบนสุดแม้จะแข็งแรง แต่ฐานล่างง่อนแง่นก็พังลงได้แบบไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว เหมือนบ้านที่มีฐานล่างไม่แข็งแรง ย่อมไม่สามารถรองรับส่วนบนที่ตระหง่านใหญ่โตได้นั่นเอง
ขณะนี้ ความเชื่อถือศรัทธาของผู้คนในฐานล่างที่มีต่อผู้รับผิดชอบในการบริหารบ้านเมือง ติดลบแบบสะสมในหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่
เรียกว่า “วิกฤติศรัทธา” กำลังเติบโตรวดเร็ว
ท่ามกลางการปั้นตัวเลขให้สวยหรูของคนรับผิดชอบ โดยไม่ได้มองความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านในฐานราก ที่ในแต่ละวันขณะนี้แทบไม่มีข้าวจะยาไส้
ไม่ลองไปเดินถนนดูให้เห็นด้วยตนเองบ้างหรือ
แม้กระทั่งแบงก์ชาติที่ออกมาพูดเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นข่าวลงในสื่อหลายแห่งว่า รู้สึกเป็นห่วงรายได้พวกเกษตรกร ชาวนาชาวไร่ ที่ลดน้อยถอยลงเนื่องจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ และผลจากวิกฤติภัยแล้งเมื่อปีก่อนที่ทำให้เกษตรกรต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ซึ่งขณะนี้ยังใช้คืนไม่หมด เมื่อมาเจอกับปัญหารายได้ที่ตกต่ำอีก ก็เท่ากับว่ากำลังซื้อในประเทศจากภาคเกษตรจะหดหายไปอย่างแน่นอน ขณะที่กำลังซื้อในประเทศจากแรงงานภาคอื่นๆ ก็ยังถูกกดดันด้วยตัวเลขหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
มีเฉพาะผู้คนในฐานรากอย่างพวกเกษตรกรทั้งหลายดังกล่าวแล้ว ชาวบ้านชาวช่องพ่อค้าแม่ขายทั้งหลายก็ยังบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ขายอะไรก็ขายไม่ได้เหมือนก่อน ไม่รู้ลูกค้าหายไปไหนหมด แม้กระทั่งวันสิ้นเดือน ร้านอาหาร ร้านค้า ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ก็วังเวง ไม่ค่อยจะมีคนมาจับจ่ายใช้สอยอย่างแต่ก่อน
นี่คือชีวิตจริงของผู้คนในระดับฐานรากของบ้านเมืองขณะนี้ ที่ไม่ได้ไปเที่ยวหยิบเอาตัวเลขของคนในระดับสูง โดยเฉพาะคนที่รับผิดชอบในการทำงานทางด้านเศรษฐกิจบางคนที่มักชอบปั้นตัวเลข หรือนั่งอยู่ในห้องแอร์แล้วก็ว่าตามตัวเลขที่ปรากฏตรงหน้าตามที่มีคนยำรวมๆ กันมาให้ดู อย่างที่ทำกันอยู่ในเวลานี้
ยำกันถึงขนาดว่าประเทศไทยจะก้าวไกลไปถึง 4.0
นี่เป็นแค่เรื่องกว้างๆ ทางเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ขณะนี้
ไม่นับเรื่องที่ย่ำแย่ต่างๆ อีกหลายเรื่อง ที่นำมาซึ่งความตกต่ำในวิกฤติศรัทธาของผู้คนในบ้านเมือง ที่มีต่อผู้รับผิดชอบในการบริหารบ้านเมืองในปัจจุบัน จนกลายเป็นวิกฤติศรัทธาที่สะสม พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ อีกหลายต่อหลายอย่างในช่วงเวลาสามปีเศษที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสามัคคีปรองดองของผู้คนในบ้านเมืองที่ต้องแก้ไข ก็กลับปรากฏว่าความแตกแยกยังปรากฏให้เห็น ไม่หายไปไหน ผู้คนที่เคยเป็นมิตรกับคนมีอำนาจหน้าที่ในการบริหารบ้านเมือง ก็กลับไปยืนอยู่ตรงข้ามเพราะการไม่รู้จักแยกมิตรแยกศัตรูให้ออก ซึ่งคนดังกล่าวนี้เมื่อก่อนก็เป็นมิตรที่ดีกันมาก่อนกับผู้บริหาร แต่ต้องถูกกระทำหลายอย่างตามคำสั่งพิเศษที่มีอยู่ในมือ จนต้องกลายเป็นคนละพวกไป อย่างที่เห็นกันอยู่ขณะนี้
การปฏิรูปด้านต่างๆที่เพ้อพร่ำกันมาว่าจะทำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องปฏิรูปแล้วเสร็จไปอย่างเป็นรูปธรรมให้เห็นนั้น มีอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปฏิรูปตำรวจ หรือการปฏิรูประบบราชการบางแห่งที่สมควรจะปฏิรูปให้ดีขึ้น ขณะนี้ก็ยังคงเห็นแต่กระบวนท่าร่ายรำเท่านั้น
เหล่านี้ล้วนเป็นบ่อเกิดแห่ง “ความศรัทธาติดลบ”
ผู้คนในบ้านเมืองกำลังอึดอัดใจกันมากขึ้น อย่าประมาทการต่อสู้ของผู้คนเหล่านี้เป็นอันขาด ขอให้จำไว้ให้ดีในเรื่องการต่อสู้ของหมา ที่การต่อสู้อย่าไปดูที่ขนาดของหมาว่าฝ่ายไหนตัวใหญ่หรือตัวเล็ก แต่ให้ดูที่ขนาดจิตใจในการต่อสู้ของหมาว่าขนาดไหน เพราะหมาตัวใหญ่เคยกระเจิงมาแล้ว จากขนาดจิตใจของหมาตัวเล็กที่มีมากกว่าตัวใหญ่
ระลึกเรื่องอย่างนี้ไว้ด้วย เพราะคนไม่ใช่หมา
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
ที่มา แนวหน้า
สำนักข่าววิหคนิวส์