ตอนนี้คงชัดว่าใครอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุวินาศกรรมรพ.พระมงกุฎ เจ็บ 25 และภาคใต้ ด้วยระเบิดถึง 20 กก. เจ็บ 4 หลังจากขยวนการล้มเจ้า อดีตสส. แกนนำเสื้อแดง ของพรรคเดิม พวกเดิม สีเดิม ทำคลิปออกมายอมรับ และขู่ว่าจะเกิดขึ้นอีก หากคสช.ไม่ออกจากตำแหน่ง
แถมให้กลุ่มเสื้อแดงทำกิจกรรมเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด ขึ้นป้ายต่อค้านคสช.บนสะพานลอย
สิ่งเหล่านี้คงชัดว่าใครเป็นคนสั่งทำ และทำตามเป้าประสงค์ใด ตามที่เคยบอกเล่า และเตือนไปแล้ว หลักฐานคงชัดเจน ในการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้ ที่มีเป้าหมายทำลายชาติของตนเอง โดยมีสกภาพยุโรปให้การสนับสนุน ให้ที่พักพิง
ผลการวางระเบิดในเชิงสถิติคงชัด เป็นระเบิดที่เกี่ยวข้องกัน กับชายขุดดำ มีทั้งอดีต ตร. ทหาร ยศนายพล ดำเนินการในภาคปฏิบัติการก่อวินาศกรรมในพระนคร หลายต่อหลายครั้ง ใช้ ตร. และอดีตทหารพราน เสื้อแดงก่อเหตุ จับกุมได้ก็หลายครั้งหลายหน แต่พอถึงผู้สั่งการเป็นทหาร ก็ให้ประกันตัวออกมา
ทางเลือก 2 ทางในเชิงกลยุทธ์ 1.สร้างความปรองดอง รู้รักสามัคคี ใช้หลักการเจรจา 2.ขจัดศัตรู โดยเข้าให้ถึงเป้าหมายผู้บงการ ต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง หรือจะประใช้ทั้ง 2 ข้อเลยก็ได้ แล้วแต่จะพิจารณา
หากปล่อยไว้ ตั้งรับ ไม่รุก เมื่อทราบแล้วว่ากลุ่มไหนทำ ก็ควรใช้หลักกลยุทธ์ “ป้องปราม” เข้าถึงบ้านเป้าหมายโดยพลัน ตามโครงการปราบปรามมาเฟีย นำนักเคลื่อนไหวมาสอบสวน แหล่งเงินทุน งดประกัน วงจรปิดทั้งจุดระเบิด และ สะพานลอย ก็จะเชื่อมโยงพยาน หลักฐานได้ชัดเจน
ควรกำหนดเกมส์ ว่าจะมีการประกาศวันเลือกตั้ง หาก “ตั้งแต่นี้ไปหากมีเกิดระเบิดขึ้นอีก 1 ครั้งก็จะเลื่อนเลือกตั้งออกไป 1 ปี ” ครั้งต่อไปก็ 2 3 4 ปี ไปเรื่อยๆ
แต่สิ่งที่ต้องทำคือปรับกำลังตามเวลา เพราะยิ่งเกิดเหตุจะส่งผลต่อความเชื่อมั่น และสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงทั้งปัจจัยภายนอก ต่างประเทศ และการใช้ประชานิยม จะพ่นพิษแรงขึ้น สิ่งเหล่านี้จึงควรทำควบคู่กัน ชาติจึงจะรอดปลอดภัย
“การเมืองคือการแสวงหาอำนาจ นักการเมืองคือนักแสวงหาอำนาจ ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เพราะนักการเมือง แย่งชิงอำนาจ”
เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
23 พฤษภาคม 2560