เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 272/152 หมู่ 1 ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พร้อมจับนายศศิ นามวงษ์ หรือ กบ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครอง และ ความผิดตามพระราชบัญญัติสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หลังจากนายศศิ ถูกตำรวจปราบปรามยาเสพติด จับกุมได้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง และวันนี้ ได้นำตัวมาขยายผลค้นบ้านพักเพิ่มเติม พร้อมกับอายัดทรัพย์สิน อาทิ บ้านพัก ไว้ตรวจสอบว่าได้มาจากการกระทำความผิดหรือไม่
ขณะที่ พ่อตาของนายศศิ ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ ระบุว่า ลูกเขย ไม่ได้พักอยู่ประจำที่นี แต่จะไปกลับบ้านหลังนี้ เพื่อมาหาบุตรสาว กับหลาน ของตน และ ไม่เคยทราบมาก่อนว่า นายศศิ มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือไม่ เพราะตนเอง ก็ทำธุรกิจร้ายขายนม และบ้านหลังนี้ ตนเองซื้อไว้ เกือบ 3 ปี แต่ใช้ชื่อลูกสาว เพราะตนเองติดแบล็คลิสต์ ไม่สามารถ ซื้อเองได้ และตนเอง เคยมีปัญหา กับลูกเขย เพราะเคยทำร้ายลูกสาว ทำให้มีปัญหากัน และไม่เคยสอบถามเรื่องส่วนตัว
ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ เป็นการขยายผลหลังจับนายสุชาติ ทองกระจ่าง พร้อมยึดยาบ้าของกลาง 614,000 เม็ด ที่บ้านเลขที่ 26/1 หมู่ 3 ตำบลท่าแค อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี แต่นายศศิ ซึ่งเป็นผู้สั่งการสามารถหลบหนีไปได้จึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ
สำหรับการปิดล้อม ตรวจค้น และจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับในครั้งนี้ เป็นไปตามแผนปฎิบัติการพิทักษ์ประชา 61/1 ปฎิบัติการดังกล่าวเข้าพื้นที่ภูธรภาค 1 ประกอบด้วยจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และสมุทรปราการ กว่า 100 เป้าหมาย
ทางด้าน พ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดกล่าวภายหลัง นำกำลังเข้าบุกค้นพื้นที่เป้าหมาย ผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ ว่าการจับกุมครั้งนี้เป็นการขยายผลหลังจับผู้ต้องหารวม 4 คน พร้อมยึดยาบ้าของกลางกว่า 6 แสนเม็ด ได้ที่จังหวัดลพบุรี และตำรวจสืบสวนพบว่านายศศิ นามวงษ์ เป็นผู้สั่งซื้อยาเสพติดดังกล่าว โดยมีพยานหลักฐานจากผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ที่ถูกจับก่อนหน้านี้ และยังพบการติดต่อของนายศศิที่เชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาด้วย จึงนำตัวนายศศิ เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว
โดยจากการสืบสวนพบว่านายศศิ อยู่ระดับสั่งการในพื้นที่ของขบวนการค้ายาเสพติด ทำหน้าที่นำมากระจายต่อในพื้นที่ โดยลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือกลุ่มค้ายาบ้านผาขาว และนำเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดมาลงทุนทำธุรกิจ ตำรวจจึงได้ขอศาลออกหมายจับพร้อมเข้าตรวจค้นเพื่ออายัดทรัพย์สินของนายศศิไปตรวจสอบ อาทิ รถจักรยานยนต์มูลค่ากว่า 1 ล้าน 2 แสนบาท ซึ่งมีการตกแต่งอีกกว่า 5 แสนบาท รถเบนซ์ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ร้านขายนมและเครื่องดื่ม รวมทรัพย์สินที่อายัดกว่า 10 ล้านบาท
แต่จากการสืบสวนของตำรวจพบว่า นายศศิ มีการลงทุนทำธุรกิจร้านนมประมาณ 3 ปีก่อน และนำกำไรมาขยายธุรกิจโดยนำเงินกว่า 1 ล้านบาท มาลงทุนเปิดร้านขายอาหารด้วย มีรายได้ต่อวันประมาณ 2 ถึง 3 หมื่นบาท รวมมีรายได้ประมาณ 7 แสนบาทต่อเดือน แต่มีรายจ่ายเบื้องต้นอีกกว่า 2 แสนบาท และพบว่าได้นำเงินไปซื้อทรัพย์สินจำนวนมาก โดยใช้ชื่อบุคคลอื่นครอบครองธุรกิจและทรัพย์สินต่างๆ อ้างว่าตัวเองติดแบล็คลิสเป็นหนี้บัตรเครดิตประมาณ 7 หมื่นบาท ซึ่งไม่สอดคล้องกับรายรับ ซึ่งจากนี้ตำรวจจะตรวจสอบสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด
ที่มา : http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=815831
จิตตรา พงศธรพิพัฒน์
สำนักข่าววิหคนิวส์