“สมคิด” ย้ำเศรษฐกิจไทยปีนี้แกร่ง เชื่อแรงส่งพุ่งต่อเนื่องถึงปีหน้า พร้อมดึงงบประมาณการลงทุนที่ยังไม่ได้ใช้มาเพิ่มงบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
กรุงเทพธุรกิจ – นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศขณะนี้ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยปลายเดือน ต.ค. นี้ต้องติดตามประกาศอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) ซึ่งจัดอันดับโดยธนาคารโลกว่า จะปรับอันดับไทยดีขึ้นหรือไม่ หลังจากสถาบันต่างๆได้ปรับอันดับความสามารถแข่งขันของไทยดีขึ้นไปแล้ว
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไตรมาสที่ 3 จะดีแน่นอนเพราะเครื่องชี้เศรษฐกิจหลายตัวออกมาดี และไตรมาสที่ 4 ก็มีแนวโน้มที่ดีเห็นได้จากตลาดหุ้นที่ปรับตัวดีขึ้น ภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มขยับ ซึ่งลักษณะนี้จะทำให้ครึ่งปีหลังจะเป็นแรงส่งที่สำคัญให้เศรษฐกิจปี 2561
“เศรษฐกิจภาพใหญ่ตอนนี้ดีที่สุดแล้วเทียบกับ 3 ปีที่ผ่านมา เหลืออยู่อย่างเดียวคือต้องเร่งดูแลผู้มีรายได้น้อยเรื่องนี้เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องแก้ไข” นายสมคิด กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย คือการเร่งขยายร้านธงฟ้าประชารัฐและการดึงร้านโชห่วยเข้ามาร่วมโครงการ เพื่อเป็นจุดกระจายสินค้าที่ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อได้อย่างทั่วถึง ซึ่งขณะนี้มีข้อจำกัดเนื่องจากมีธนาคารกรุงไทยเพียงรายได้เข้าไปติดตั้งเครื่องรูดบัตรทำให้ยังช้า แต่ภายใน 1-2 เดือน เชื่อว่าจะขยายได้ครอบคลุมขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาแนวทางเพิ่มงบประมาณเข้าไปในกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากเพื่อให้สามารถเพิ่มวงเงินให้กับผู้มีรายได้น้อยเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งอาจจะเป็นการดึงงบประมาณมาจากงบประมาณลงทุนที่ไม่ได้ใช้หรือดำเนินการไม่ทันตามกรอบเวลามาเสริม โดยตอนนี้หารือกับสำนักงบประมาณไว้แล้วแต่ภายใต้มาตรการนี้จะต้องพัฒนาผู้ที่เข้ามารับสวัสดิการนี้ให้มีศักยภาพไปทำมาหากินสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นด้วยตนเองได้
ล่าสุด ได้มอบหมายให้นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ไปเร่งดำเนินการมาตรการ “ดึงสินค้าชุมชน” ให้เข้ามาอยู่ในร้านธงฟ้าสามารถใช้บัตรสวัสดิการซื้อได้เพราะโครงการนี้ทำให้มีความต้องการซื้อที่ชัดเจน ชุมชนสามารถผลิตสินค้าป้อนเข้ามาซึ่งจะเป็นการลดปัญหาสินค้าชุมชนผลิตแล้วขายไม่ได้ด้วย
“สวัสดิการนี้ให้คนที่เขาไม่ไหว ไม่มีทางเลือกเพราะวงเงินที่เขาไปซื้อก็ซื้อเป็นข้าว ไข่ น้ำมันพืช แต่ที่ต้องดำเนินการในระยะยาวควบคู่กันคือการฝึกอบรมให้เขามีความสามารถไปสร้างรายได้เองได้เพิ่มขึ้น” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ตาม ภายหลังนายกรัฐมนตรีได้ประกาศช่วงเวลาจะเลือกตั้งชัดเจนขึ้น นายสมคิด กล่าวว่า ระยะต่อไปจะเป็นการเร่งรัดดำเนินนโยบายที่ออกมาให้เกิดการขับเคลื่อนและเห็นผลออกมาก่อนเลือกตั้ง รัฐวิสาหกิจต่างๆ เรื่องอะไรหลักๆ ต้องทำ จะเข้าไปกำชับให้ออกมาให้ได้ เช่น กรณีของการบินไทยจะต้องอาศัยช่วงเวลานี้ หลังจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO)ปลดธงแดงประเทศไทย และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยกว่าปีละ32ล้านคน ปรับปรุงโครงสร้างการทำงาน และทำการตลาดใหม่สร้างศักยภาพแข่งขันให้องค์กร
สำนักข่าววิหคนิวส์