สื่อต่างประเทศรายงานว่า ในการประชุมสุดยอดของผู้นำสหภาพยุโรป ที่เมืองแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 10 มี.ค. มีการพิจารณาเลิกพึ่งพาน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหินจากรัสเซีย ซัพพลายเออร์รายใหญ่ของยุโรป
.
เออร์ซูลา วอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวในที่ประชุมว่าสภาพยุโรปควรยุติการใช้น้ำมันของรัสเซียภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยภายหลังจากนี้จะมีการเสนอแผนการเลิกนำเข้าน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินจากรัสเซียภายในปี 2027 เร็วขึ้นกว่าการประกาศครั้งก่อนที่ระบุว่าจะเลิกพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียภายในปี 2030
.
ร่างแถลงการณ์ของที่ประชุมผู้นำสหภาพยุโรป ระบุว่า คณะกรรมาธิการยุโรปควรจัดทำแผนในเดือนนี้ เพื่อให้มั่นใจในความมั่นคงของอุปทาน และราคาพลังงานที่ไม่แพงในช่วงฤดูหนาวครั้งหน้า โดยผู้นำจะตกลงตามขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การเพิ่มการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้เร็วขึ้น
.
อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่ลงรอยกันระหว่าง 27 ประเทศในสหภาพยุโรปว่าจะปฏิบัติตามแนวทางของสหรัฐหรือไม่ ซึ่งประกาศห้ามนำเข้าน้ำมัน และก๊าซของรัสเซียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กับสหราชอาณาจักรซึ่งระบุว่าจะทำภายในสิ้นปี 2022
.
เนื่องจากประเทศในสหภาพยุโรปพึ่งพาพลังงานของรัสเซียมากกว่า โดยนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียกว่าร้อยละ 40 นำเข้าน้ำมันร้อยละ 27 และนำเข้าถ่านหินเกือบครึ่งหนึ่งของการนำเข้าทั้งหมด
.
โดยบางประเทศอย่างเช่นผู้นำลัตเวียกำลังกดดันให้ยุโรปคว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย โดยมองว่าหากหยุดพึ่งพาพลังงานของรัสเซียก็จะเป็นการหยุดการระดมทางทหารของรัสเซียด้วย ขณะที่เยอรมนี และฮังการีเป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่เห็นด้วย แม้ว่าจะตัดเงินหลายร้อยล้านยูโรต่อวันไปยังรัสเซีย แต่จะกระทบต่อเศรษฐกิจของยุโรป และผลักดันราคาน้ำมันให้พุ่งสูงขึ้นไปอีก
.
จนถึงตอนนี้ สหภาพยุโรปได้เน้นการคว่ำบาตรต่อธนาคาร และผู้มีอิทธิพลในรัสเซีย ตลอดจนแบนเครื่องบินรัสเซียจากน่านฟ้าของสหภาพยุโรป และยุติการส่งออกเทคโนโลยี
–