ราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรปเพิ่มขึ้นราว 20% ในตอนเช้าวันพุธ (27 เม.ย.) หลังก๊าซพรอมของรัสเซียระงับจ่ายอุปทานที่ป้อนสู่โปแลนด์และบัลแกเรีย โดยระบุว่า ทั้ง 2 ประเทศไม่ยอมชำระค่าก๊าซเป็นเงินรูเบิลหนึ่งวันก่อนหน้านั้น ความเคลื่อนไหวที่ทำให้สกุลเงินรัสเซียแข็งค่าขึ้น และจากข้อมูลล่าสุดพบว่ามีผู้ซื้อยุโรปแล้ว 4 รายที่ยอมทำตามข้อบังคับดังกล่าว
ราคาขายส่งก๊าซยุโรป สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดีดตัวขึ้น 20% เป็น 117 ยูโรต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง ในช่วงต้นของการซื้อขายเมื่อวันพุธ (27 เม.ย) สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเกือบ 7 เท่า
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของราคาก๊าซธรรมชาติมีขึ้นหลังจากก๊าซพรอม รัฐวิสาหกิจพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย ระบุในถ้อยแถลงว่า “ก๊าซพรอมระงับการส่งก๊าซป้อนแก่ Bulgargaz (บัลแกเรีย) และ PGNiG (โปแลนด์) โดยสิ้นเชิง สืบเนื่องไม่จ่ายเป็นรูเบิล”
อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวหารัสเซียพยายามใช้ก๊าซเป็นเครื่องมือแบล็กเมล์ หลังก๊าซพรอมตัดสินใจระงับจ่ายอุปทานป้อนบัลแกเรียและโปแลนด์ โดยระบุว่า มันเป็นการกระทำที่ขาดความชอบธรรมและเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และชี้ว่ารัสเซียกำลังกลายเป็นผู้จัดหาก๊าซที่ขาดความน่าเชื่อถือ
เธอบอกต่อว่า โปแลนด์และบัลแกเรียได้รับอุปทานก๊าซธรรมชาติจากประเทศอื่นๆ ของอียู และนั่นคือสิ่งที่ทางกลุ่มได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นอันหนึ่งเดียวกัน
เยอรมนี ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรป ซึ่งพึ่งพิงก๊าซจากรัสเซียเป็นอย่างมาก เปิดเผยว่า อุปทานของพวกเขายังคงไหลตามปกติ “สถานการณ์อุปทานของประเทศยังคงเสถียรและเรากำลังทำทุกอย่างเท่าที่เราสามารถทำได้เพื่อรับประกันว่ามันจะเป็นแบบนี้ต่อไป” โรเบิร์ต ฮาเบค รัฐมนตรีเศรษฐกิจกล่าว
ในปี 2020 โปแลนด์ นำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย คิดเป็นสัดส่วน 45% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด ภายใต้สัญญาระยะยาวฉบับหนึ่งที่ทำไว้กับก๊าซพรอม อย่างไรก็ตามสัญญาดังกล่าวจะสิ้นสุดในปีนี้ และโปแลนด์ ใช้เวลาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จะเปิดทางให้พวกเขายืนหยัดอยู่ได้โดยปราศจากก๊าซของรัสเซีย
โปแลนด์นำเข้าก๊าซจากรัสเซียราว 9,000 ล้านลูกบาศก์เมตรในแต่ละปี คิดเป็นสัดส่วนราว 45% ของอุปสงค์ทั้งหมดของประเทศ
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ลงนามในกฤษฎีกาฉบับหนึ่ง กำหนดให้ประเทศที่ไม่เป็นมิตรจะต้องจ่ายค่าก๊าซเป็นรูเบิล ไม่อย่างนั้นจะยุติการจัดส่งให้ โดยจะเริ่มตั้งแต่รอบการชำระเงินในเดือนเมษายน
รัสเซียระบุว่า การรับชำระค่าก๊าซธรรมชาติเป็นสกุลเงินรูเบิลแทนยูโร หรือดอลาร์ เป็นการตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกที่กำหนดเล่นงานธนาคารกลางของพวกเขา รวมถึงอายัดทุนสำรองระหว่างประเทศของพวกเขาไปราวๆ ครึ่งหนึ่ง
พวกผู้ซื้อยุโรปหลายรายปฏิเสธจ่ายเป็นรูเบิล อ้างว่ามันไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญา และจะเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของอียูที่กำหนดเล่นงานธนาคารกลางรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งซึ่งใกล้ชิดกับก๊าซพรอม ระบุว่า มีผู้นำเข้ายุโรป 4 ราย ได้เริ่มปฏิบัติตามเงื่อนไขของประธานาธิบดีปูติน สำหรับชำระเงินเป็นรูเบิลแล้ว นอกจากนี้ ยังมีบริษัทยุโรป 10 แห่งที่เปิดบัญชีกับก๊าซพรอมแบงก์แล้วเช่นกัน และด้วยมันเป็นข้อกำหนดของการชำระเงินด้วยรูเบิล ความเคลื่อนไหวดังกล่าวบ่งชี้ว่าพวกเขาอาจมีความตั้งใจปฏิบัติตามกฎระเบียบการชำระเงินแบบใหม่
อียู อ้างว่าการเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินรูเบิลละเมิดสัญญาที่มีอยู่ในปัจจุบันและละเมิดมาตรการคว่ำบาตร อย่างไรก็ตาม รัสเซียโต้แย้งว่าข้อเสนอกลไกชำระเงินด้วยรูเบิลนี้ ยึดมั่นในสัญญาและกฎหมายทั้งหมด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การหยุดป้อนก๊าซธรรมชาติคราวต่อไปไม่น่าจะเกิดขึ้นก่อนสิ้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นกำหนดรอบการชำระเงินครั้งต่อไปสำหรับบรรดาผู้นำเข้ายุโรป
สกุลเงินรูเบิลของรัสเซียแข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี เทียบกับสกุลเงินยูโรในการซื้อขายในตลาดมอสโกในวันพุธ (27 เม.ย.) ได้แรงหนุนจากมาตรการควบคุมเงินทุนที่บังคับใช้ในปัจจุบันและจากการเข้าซื้อเพื่อชำระภาษี หลังรัสเซียยกระดับข้อพิพาทกับอียู ด้วยการหยุดป้อนก๊าซธรรมชาติแก่บัลแกเรียและโปแลนด์
ช่วงหนึ่งของการซื้อขาย รูเบิลแข็งค่าขึ้น 1.8% อยู่ที่ 75.43 รูเบิลต่อยูโร ถือเป็นการแข็งค่าที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคม 2020 ขณะเดียวกัน มีอยู่ช่วงหนึ่งมันแข็งค่าขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ อยู่ที่ 72.75 รูเบิลต่อดอลาร์
(ที่มา : ไฟแแนนเชียลไทม์ส/อาร์ทีนิวส์/บลูมเบิร์ก)